รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หรือ Global Economic Prospects ของ Wolrd Bank ฉบับล่าสุดที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา ระบุว่า เศรษฐกิจโลกในปี 2024 จะมีแนวโน้มการขยายตัวเพียง 2.4% ลดลงจาก 2.6% ในปี 2023 ซึ่งนับเป็นการเติบโตที่ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ทำสถิติเติบโตต่ำที่สุดในรอบ 30 ปี หรือนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในปี 2009 โดยไม่นับรวมกรณีเศรษฐกิจโลกหดตัวในปี 2020 เนื่องจากวิกฤตโควิด
ขณะเดียวกัน World Bank ยังเตือนว่า ช่วงครึ่งแรกของทศวรรษ 2020 ซึ่งหมายถึงปี 2020-2024 จะเป็นช่วงครึ่งทศวรรษที่มีการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 30 ปี เนื่องจากการขยายตัวในช่วง 5 ปีที่ว่านี้ จะต่ำกว่าช่วงเกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2008-2009 ช่วงวิกฤตการเงินในเอเชียในปลายทศวรรษ 1990 และช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวในต้นทศวรรษ 2000
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
นอกจากนี้ World Bank ยังประเมินว่า การเติบโตในช่วง 5 ปีนี้ คือปี 2020-2024 ยังจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงทศวรรษ 2010 เกือบ 0.75%
กระนั้น World Bank ประเมินว่า เศรษฐกิจโลกในปีถัดไปคือปี 2025 จะทยอยฟื้นตัวกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นที่ 2.7%
ในส่วนของปัจจัยฉุดการเติบโต หลักๆ มาจากสงครามความขัดแย้งและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และความวุ่นวายในตะวันออกกลาง โดยนักเศรษฐศาสตร์ World Bank ชี้ว่า ความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นอาจมีนัยสำคัญต่อราคาพลังงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ยังเตือนว่า หากไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ (Major Course Correction) ช่วงทศวรรษ 2020 จะกลายเป็น “ทศวรรษแห่งโอกาสที่สูญเปล่า” หรือ “a decade of wasted opportunity” ทันที
ทั้งนี้ หากประเมินเป็นรายภูมิภาค พบว่าปี 2024 การเติบโตในอเมริกาเหนือ ยุโรป เอเชียกลาง และเอเชีย-แปซิฟิก จะยังคงอ่อนแอ เพราะได้รับผลกระทบจากการฟื้นตัวที่อ่อนแอของจีน ขณะที่ในส่วนของลาตินอเมริกาและแคริบเบียนจะฟื้นตัวเล็กน้อย โดยเป็นผลจากการเติบโตที่ต่ำอยู่แล้วในปีที่ผ่านมา ส่วนตะวันออกกลางและแอฟริกาน่าจะมีความโดดเด่น น่าจับตามองมากขึ้น
ในส่วนของยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา World Bank คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีการขยายตัวเพียง 1.6% ในปีนี้ จากระดับ 2.5% ในปีที่แล้ว ส่วนยูโรโซนจะขยายตัว 0.7% ในปีนี้ จากระดับ 0.4% ในปีที่แล้ว ขณะที่จีนน่าจะชะลอตัวสู่ระดับ 4.5% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 30 ปี หากไม่นับปี 2020 และปี 2022 ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด
สำหรับเศรษฐกิจของตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา World Bank ประเมินว่า กลุ่มนี้จะขยายตัว 3.9% ในปี 2024 ลดลงจาก 4.0% ในปีที่ผ่านมา
เมื่อมองโดยรวม รายงานของ World Bank ชี้ว่า แม้เศรษฐกิจโลกสามารถปรับตัวอย่างยืดหยุ่นในปีที่แล้ว ท่ามกลางความเสี่ยงในการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยท้าทายในระยะใกล้ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศส่วนใหญ่ชะลอตัวในปีนี้และปีหน้า เมื่อเทียบกับในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาจะได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุด โดยมีการเติบโตที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมามากกว่า 1%
นอกจากนี้ World Bank ยังประเมินว่า ภายในสิ้นปี 2024 ประชากรราว 1 ใน 4 ของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา และราว 40% ของประเทศที่มีรายได้ต่ำ จะมีความยากจนมากกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิดในปี 2019 ดังนั้นรัฐบาลทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา จะต้องเร่งลงมือทำงานอย่างหนักกว่าเดิม
อ้างอิง: