ธนาคารโลกปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงเหลือ 2.2% จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ 4% เมื่อช่วงต้นปี หลังอัตราการติดเชื้อโควิด-19 ยังอยู่ในระดับสูง และการกระจายวัคซีนยังทำได้ช้า ซึ่งจะกระทบต่อการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว
ทั้งนี้รายงานเศรษฐกิจ Global Economic Prospects ของธนาคารโลกฉบับล่าสุด ได้จัดให้ไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่การเติบโตอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดร่วมกับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แม้จะประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะกลับมาขยายตัวได้ 5.1% แต่มีโอกาสที่การเติบโตจะอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดโรคระบาดไปจนถึงปี 2023
ในรายงานฉบับเดียวกัน ธนาคารโลกได้ปรับเพิ่มตัวเลขการคาดการณ์อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ว่าจะอยู่ที่ 5.6% โดยเป็นผลพวงจากการเร่งเดินหน้าฉีดวัคซีนของชาติเศรษฐกิจมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ กับจีน บวกกับมาตรการกระตุ้นขนานใหญ่ของภาครัฐ ทำให้เศรษฐกิจทั้งสองชาติส่งสัญญาณฟื้นตัวจากวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ได้ดีและรวดเร็ว
ส่งผลให้มีการปรับเพิ่มการคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกขึ้นอีก 1.5% จากเมื่อเดือนมกราคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งและลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ มูลค่าเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงก่อนที่โครงการแจกจ่ายวัคซีนโควิด-19 จะเริ่มดำเนินการและประสบผลสำเร็จในหลายประเทศ
ธนาคารโลกระบุว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังถือเป็นการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกในปี 1940 หรือกว่า 80 ปีที่แล้วอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะมีแนวโน้มเติบโตได้ดี แต่การฟื้นตัวครั้งนี้ก็ยังมีปัจจัยที่น่าวิตก เพราะเป็นการฟื้นตัวที่ไม่เสมอภาคเท่าเทียมกัน ซึ่งหมายความว่าประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่บางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกากับจีน จะฟื้นตัวได้เร็วกว่า เมื่อเทียบกับประเทศกำลังพัฒนาและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่บางประเทศที่ยังคงต้องเผชิญกับปัญหาการระบาด จำนวนผู้ติดเชื้อ และปัญหาการขาดแคลนวัคซีน
ทั้งนี้ขณะที่ 90% ของประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกคาดว่าจะสามารถฟื้นตัวโดยมีระดับรายได้ต่อหัวของประชากรกลับมาอยู่ในระดับเดียวกันกับก่อนเกิดการระบาดภายในปี 2022 มีเพียง 1ใน 3 ของประเทศกำลังพัฒนาและเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่สามารถฟื้นตัวอยู่ในระดับเดียวกันได้ภายในช่วงเวลาเดียวกัน
เดวิด มัลพาสส์ ผู้ว่าการธนาคารโลก ได้ใช้โอกาสนี้เน้นย้ำให้ประเทศร่ำรวยช่วยเหลือประเทศยากจนด้วยการส่งวัคซีนให้ เพื่อทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกระจายได้อย่างทั่วถึงทั่วหน้ากัน
ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะสามารถขยายตัวได้ 6.8% ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.3% จากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนมกราคม นับเป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 1984
ด้านเศรษฐกิจของกลุ่มยูโรโซนปีนี้คาดว่าจะเติบโตที่ 4.2% ขณะที่เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 8.5% โดยเป็นผลจากความต้องการบริโภคสินค้าจากทั่วโลกเพิ่มขึ้นในช่วงที่การระบาดเริ่มลดลง และญี่ปุ่นขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.9% เพราะมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ พร้อมเตือนว่าญี่ปุ่นไม่ควรคาดหวังกับการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโตเกียว โอลิมปิกมากจนเกินไป
ในส่วนของปีหน้า ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวที่ระดับ 4.3% เพิ่มขึ้น 0.5% จากตัวเลขการคาดการณ์ก่อนหน้า และอาจมีสิทธิ์เติบโตได้ถึง 5% หากการแจกจ่ายวัคซีนไปยังประเทศยากจนดำเนินการได้รวดเร็วมากขึ้น
ทั้งนี้การเติบโตของหลายประเทศทั่วโลกในปีหน้าจะปรับตัวลดลง โดยเป็นผลจากการลดมาตรการกระตุ้นของภาครัฐ ซึ่งในปี 2022 ธนาคารโลกคาดกว่าสหรัฐฯ จะขยายตัวที่ 4.2% จีน 5.4% ยูโรโซน 4.4% และญี่ปุ่น 2.6%
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: