Q: เพิ่งย้ายมาทำงานตำแหน่งใหม่แต่ในบริษัทเดิมค่ะ ปัญหาคือตำแหน่งที่ย้ายมาใหม่นี้เหมือนเรากำลังโดนแขวนไว้ หัวหน้าไม่ได้ให้เราทำอะไร ไม่มี Scope of work ที่ชัดเจน ไม่มีอำนาจใดๆ แค่ให้ย้ายมาลอยๆ เฉยๆ อึดอัดมากค่ะ เหมือนเจอการเมืองตัดแขนตัดขาเราแล้วแขวนเราไว้ลอยๆ ไม่มีอำนาจ ไม่ป้อนงาน ไม่มี Assignment ใดๆ ปล่อยให้เรานั่งเฉยๆ ในออฟฟิศแล้วรอวันที่ทำให้เราอยากลาออกเอง ดิฉันควรทำอย่างไรดีคะ
A: ตำแหน่งใหม่มาพร้อมกับความรับผิดชอบใหม่เสมอครับ สิ่งที่น่าคิดก็คือ ถ้าตำแหน่งใหม่ที่คุณได้รับไม่ได้มาพร้อมกับความรับผิดชอบใดๆ แล้วจะย้ายคุณมาทำไม นั่นสิครับ!
สิ่งที่ผมจะแนะนำก็คือ อย่าปล่อยให้เราอยู่ในจุดที่เราไม่มีคุณค่าใดๆ ให้องค์กร เพราะนั่นคือจุดที่อันตรายที่สุด และบริษัทอาจใช้เป็นข้ออ้างในการประเมินคุณได้ ซึ่งผมเองก็เชื่อว่าคุณคงร้อนรนอยู่เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่เขียนมาถาม เพราะถ้าเป็นคนที่นิ่งนอนใจก็อาจจะรู้สึกว่าอยู่เฉยๆ ก็ได้เงินเดือนแล้ว ดีชะมัด ไม่ต้องทำงานอะไร แต่ไม่มีบริษัทไหนอยากจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานที่ไม่ได้ทำงานหรือไม่ได้สร้างคุณค่าให้กับองค์กรหรอกครับ เพราะฉะนั้นเราต้องไม่ตกไปอยู่ในจุดที่เราไม่สามารถทำงานให้องค์กรได้เลย
ไม่แน่ใจว่าก่อนที่จะย้ายมาตำแหน่งใหม่นี้ คุณและหัวหน้าได้มีการคุยกันไว้อย่างไรว่าความคาดหวังของการมาทำหน้าที่ใหม่นี้คืออะไร Scope of work คืออะไร อะไรคือตัวชี้วัดความก้าวหน้า โจทย์ในการทำงานคืออะไร ผมคิดว่าโดยปกติสิ่งเหล่านี้ควรชัดเจนก่อนที่จะประกาศให้เราย้ายแล้วด้วยซ้ำ ไม่อย่างนั้นคุณคงย้ายมาไม่ได้ ถ้ามีการคุยกันไว้แล้ว แต่มีความไม่ชัดเจนใดๆ ทางที่ดีเรารีบแสดงตัวกับหัวหน้าก่อนเลยว่าเราอยากทำงาน ย้ายมาแล้วอยากทำงานแล้วเนี่ย! หรือไม่ก็เดินไปบอกเลยว่าเราอยากทำอะไร ซึ่งก็เป็นไปได้เหมือนกันว่าหัวหน้าเองก็อาจจะอยากให้คุณเป็นคนเสนอมาว่าอยากทำอะไร ดีกว่าไปสั่งหรือป้อนงานให้ถึงที่ หรือถ้าเราทำอะไรผิดเราก็จะได้รู้และได้แก้ไขกันไป
สิ่งที่คุณจะลืมไม่ได้เลยคือ อย่าอยู่เฉยเป็นอันขาด อย่าปล่อยตัวเองเฉา เพราะคุณจะกลายเป็นเป้านิ่งให้คนมองว่าคุณไม่เห็นทำงานทำการอะไรเลย เมื่อนั้นแหละคุณจะอยู่ในอันตราย ที่สำคัญอีกอย่างคือ ต้องมีการระบุเวลาที่ชัดเจน อย่าปล่อยให้การคุยกันกับหัวหน้าถึงสิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นกับตำแหน่งใหม่นี้เป็นคำพูดลอยๆ ถ้าหัวหน้าบอกให้รอไปก่อน คำถามคือรอถึงเมื่อไร ต้องมีกรอบเวลาที่ชัดเจน แล้วกลับมาถามตัวเองว่า คุณมองเห็นความชัดเจนที่องค์กรมอบให้คุณหรือเปล่า หรือสิ่งที่องค์กรคาดหวังจากคุณนั้นเป็นไปได้ไหม หรือเขาได้ยื่นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ในช่วงเวลาที่จำกัดมาให้เพื่อบีบคุณอีกต่อ เช่น ตั้ง KPI ไว้สูงเกินไป ถ้าเป็นแบบนี้ก็ต้องมาคุยกันในรายละเอียดว่าคุณรับได้มากน้อยแค่ไหน
การเปิดเกมคุยก่อนแบบนี้จะช่วยให้เราประเมินได้ครับว่าบริษัทกำลังคิดอะไรอยู่ ถ้าเราหงายไพ่ออกมาแล้วว่า ฉันอยากทำงาน ฉันไม่ได้อยู่เฉยๆ ฉันมีคุณค่า แล้วบริษัทยังคงนิ่งเฉย แขวนเราไว้ลอยๆ อยู่ ไม่มีความชัดเจนใดๆ อันนั้นผมว่าคุณอาจจะเจอการเมืองของจริงแล้วล่ะที่เขาต้องการผลักให้คุณอยู่ในจุดที่ไม่มีอำนาจใดๆ แล้วก็รอให้คุณลาออกไปเอง ถ้าดูทรงแล้วบริษัทเป็นแบบนี้ ผมว่าเอาความตั้งใจอยากทำงานของเราไปทำที่อื่นดีกว่า อย่าปล่อยให้ตัวเองเฉาและโดนเตะไปเตะมาอยู่ในเกมการเมืองเลยครับ
บางทีบริษัทก็อาจจะไม่ได้บอกคุณตรงๆ หรอกครับว่าทำไมต้องแขวนไว้เฉยๆ ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นสิ่งที่คุณคิดไปเอง ถึงตรงนี้ผมก็อยากแนะนำว่า อย่าเอาพลังของเราหมดไปกับการค้นหาคำตอบว่าบริษัทแขวนเราไว้ทำไม หรือเรากำลังเผชิญกับการเมืองอะไรในออฟฟิศอยู่ บางเรื่องมันมีเหตุผลของมันที่เราไม่อาจรู้ได้ และบางทีรู้แล้วก็ปวดหัวกว่าเดิมอีกนะครับ ฮ่าๆ เอาพลัง เอาความตั้งใจที่อยากจะทำงานของเรามาคิดดีกว่าว่าเจอสถานการณ์แบบนี้แล้วเราจะทำอย่างไรดี
สิ่งที่ผมชวนให้คุณคิดมากกว่าก็คือ ถ้าบริษัทเลือกใช้วิธีการแขวนพนักงานไว้ให้เฉาแล้วลาออกไปเอง หรือแขวนไว้แต่ไม่ให้ทำงานแล้วใช้เป็นข้ออ้างเพื่อบีบให้ออกไปเอง คุณว่าบริษัทแบบนี้น่าเติบโตด้วยไหมครับ บริษัทที่ไม่จริงใจกับพนักงาน ไม่สื่อสารกับพนักงาน และเลือกใช้วิธีการทำลายคุณค่าของพนักงานเพื่อให้องค์กรเดินหน้าต่อไปได้ เรื่องบางเรื่องบอกกันตรงๆ น่าจะดีกว่ามาใช้การเมืองบีบกัน ผมว่ามันตลกดีนะ เพราะบริษัทอยู่ได้ก็เพราะมีพนักงานและพนักงานก็อยู่ได้ก็เพราะมีบริษัท ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจกันน่าจะคุยกันได้ แต่ก็อย่างว่าแหละครับ บริษัทก็เหมือนมนุษย์คนหนึ่ง บางทีบริษัทก็อาจจะมีเหตุผลในการใช้การเมืองเล่นงานพนักงานที่บริษัทอาจจะประเมินแล้วว่าไม่มีประโยชน์ต่อบริษัท ใช้การเมืองบีบให้ลาออกไปเอง ง่ายกว่าอีก มือไม่เปื้อนเลือดด้วย บางทีเขาอาจจะคิดแบบนี้ หรือไม่ก็ใช้วิธีการแบบนี้จนคุ้นเคยก็ได้นะครับ
เวลาที่เราถูกจัดการด้วยวิธีการบางอย่างเพราะเราไม่มีประโยชน์กับบริษัทแล้ว จะด้วยวิธีการที่เป็นธรรมหรือไม่ก็ตามแต่ สิ่งที่ผมอยากฝากไว้ก็คือ การที่บริษัทหรือกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งประเมินว่าเราไม่มีประโยชน์กับบริษัท และตัดสินดำเนินการบางอย่างกับเรานั้น ไม่ได้แปลว่าเราจะไม่มีประโยชน์หรือเราไม่มีคุณค่ากับโลกนี้ เราแค่ไม่มีประโยชน์กับองค์กรนี้เท่านั้นเอง แต่ไม่ได้แปลว่าเราไม่มีคุณค่า คุณอาจจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู Self Esteem สักหน่อย เพราะใครเจอการเมืองบีบมาแบบนี้ก็คงเป๋และสูญเสียความมั่นใจไปไม่น้อย แต่เราต้องมองให้เห็นคุณค่าในตัวเองให้ได้เสียก่อน คนเราถ้ามีความสามารถ ไปอยู่ที่ไหนก็มีคุณค่า และถ้าที่ไหนไม่เห็นคุณค่า ผมว่าเราก็ต้องปล่อยนะ คุณค่าของเรากับของเขาแค่ไม่ตรงกันแค่นั้นเอง ไม่ได้แปลว่าเราไม่มีคุณค่าสักหน่อย
ผมมีคาถาอันหนึ่งครับเอาไว้ใช้เวลาโดนคนดูถูก โดนปรามาส หรือโดนทำร้าย คาถานี้ชื่อว่า ‘Prove Them Wrong’ แปลว่าทำให้เขารู้ว่าเขาคิดผิด
ถ้าองค์กรทำร้ายคุณ เล่นการเมืองกับคุณ แขวนคุณไว้ลอยๆ ตัดแขนตัดขา และปล่อยให้คุณเฉาแล้วลาออกไปเอง เราก็ต้องทำให้เขาเห็นว่าเขาทำร้ายเราไม่ได้หรอก เขาทำลายคุณค่าในตัวเราไม่ได้หรอก วันนี้เขาอาจจะไม่รู้สึกว่าเรามีคุณค่ากับองค์กรและก็แขวนเราไว้เฉยๆ ใช่…เราเจ็บ แต่เราจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเจ็บตลอดไป ฟื้นฟูกอบกู้ความมั่นใจของคุณขึ้นมา ไปอยู่ในที่ที่ให้เราเปล่งศักยภาพและฉายแสงของเราให้เจิดจ้าที่สุด อยู่ให้เจริญกว่าที่ที่ไม่เห็นคุณค่าของเรา ไปให้ไกลกว่าที่ที่เดิมที่ให้ค่าเราแค่นี้ อดทน ใช้เวลาพิสูจน์ พอถึงวันหนึ่งเราจะมองกลับมายังพวกคนที่เคยทำร้ายเราและพบว่า เขาทำร้ายเราไม่ได้อีกต่อไป และที่พวกเขาคิดไว้ว่าจะทำลายเราได้ พวกเขาคิดผิด ผิดมหันต์เลยล่ะ
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นดีเสมอ บางทีการที่คุณถูกแขวนไว้และบีบให้ต้องลาออกไปเองอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ เพราะแปลว่าถ้าผ่านตรงนี้ไปได้แล้ว คุณกำลังจะมีชีวิตใหม่
Prove Them Wrong
*ส่งคำถามดราม่าในที่ทำงานที่คุณสงสัยมาได้ที่อีเมล [email protected] หรืออินบ็อกซ์ไปที่ FB: ท้อฟฟี่ แบรดชอว์
ภาพประกอบ: Nisakorn Rittapai
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า