×

ปลดล็อก: โควตาเพิ่มพลังผู้หญิงในเวทีสากล

23.03.2025
  • LOADING...
ภาพการเสวนา Women in Multilateralism ที่จัดโดยกระทรวงการต่างประเทศไทย เพื่อผลักดันมาตรการโควตาเพิ่มบทบาทผู้หญิงในเวทีสากล

ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทายและโอกาส การที่ผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจระดับสูงในเวทีสากลไม่ใช่แค่เรื่องของสถิติ แต่เป็นเรื่องของความยุติธรรมและศักยภาพที่ยังถูกมองข้าม

 

  • ในช่วง 80 ปีที่ผ่านมา มีเพียง 13% ของผู้นำองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศที่เป็นผู้หญิง  
  • ยังไม่มีผู้หญิงที่เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ และมีเพียง 4 คนเท่านั้นที่เคยดำรงตำแหน่งประธานสมัชชาสหประชาชาติ  
  • มาตรการโควตาเป็นกุญแจสำคัญเพื่อให้ผู้หญิงมีบทบาทในการตัดสินใจในเวทีสากล  

 

งานเสวนา ‘Women in Multilateralism’ ที่จัดขึ้นโดยกระทรวงการต่างประเทศของไทยร่วมกับ International Studies Centre ได้เปิดโอกาสให้เราได้ฟังเสียงจากผู้ที่มีประสบการณ์ตรงในวงการความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่เชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อนให้มีผู้หญิงมากขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดพลังแห่งความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว THE STANDARD ดำเนินรายการ และสรุปประเด็นสำคัญจากการเสวนา  

 

ภาพการเสวนา Women in Multilateralism ที่จัดโดยกระทรวงการต่างประเทศไทย เพื่อผลักดันมาตรการโควตาเพิ่มบทบาทผู้หญิงในเวทีสากล

 

เสียงสะท้อนด้วยความหวังจากสโลวีเนีย

 

Tanja Fajon รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการยุโรปของสโลวีเนีย กล่าวสุนทรพจน์เปิดงาน โดยชี้ว่าการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้ขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารระดับสูงในองค์กรสากลคือกุญแจสำคัญ และได้แบ่งปันประสบการณ์ส่วนตัวที่สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่เธอเผชิญ  

 

“ในฐานะที่ฉันเป็นรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ เราต้องต่อสู้กับระบบการเมืองที่มักมองว่าผู้หญิงไม่สามารถดำรงตำแหน่งบริหารระดับสูงได้” Fajon เล่าว่า ในช่วงที่เธอต่อสู้ในการแข่งขันเลือกตั้งสภายุโรป แม้ว่าจะมีโอกาสเข้าร่วมการคัดเลือกถึงสามครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยได้รับการจัดอันดับในตำแหน่งแรก เพราะมักมีการเลือกผู้สมัครผู้ชายก่อนเสมอ  

 

เธอย้ำว่า “มาตรการโควตาเป็นเรื่องจำเป็น เพราะช่วยเปิดประตูให้ผู้หญิงที่มีศักยภาพและประสบการณ์ถูกมองเห็นและได้รับโอกาสที่เท่าเทียม”  

 

ข้อมูลสถิติชี้ว่าในช่วง 80 ปีที่ผ่านมา มีเพียง 13% ของผู้นำองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศที่เป็นผู้หญิง และยังไม่มีผู้หญิงที่เคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสหประชาชาติ รวมถึงมีผู้หญิงเพียง 4 คนเท่านั้นที่เคยดำรงตำแหน่งประธานสมัชชาสหประชาชาติ  

 

Fajon ย้ำว่า “ผู้หญิงและเด็กเป็นครึ่งหนึ่งของศักยภาพของโลก” ซึ่งหมายความว่าการที่เสียงของผู้หญิงถูกปิดกั้นไว้ หมายถึงการสูญเสียแนวคิดใหม่ ๆ และนวัตกรรมที่อาจเปลี่ยนแปลงโลกได้  

 

 

ผู้หญิงไทยในเวทีสากล: สัดส่วนที่เพิ่มความหวัง

 

จากเสียงที่เข้มแข็งของสโลวีเนีย เสียงสะท้อนจากผู้หญิงไทยที่ทำงานในเวทีระหว่างประเทศก็มองข้ามไม่ได้ พินทุ์สุดา ชัยนาม อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ชี้ให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของผู้หญิงในวงการทูตไทย  

 

ในกระทรวงการต่างประเทศมีนักการทูตหญิงถึง 66% ผู้หญิงทำหน้าที่เป็นเอกอัครราชทูตประจำต่างประเทศถึง 22 คน ซึ่งคิดเป็น 36.66% ของจำนวนเอกอัครราชทูตทั้งหมด 

 

พินทุ์สุดา กล่าวเพิ่มเติมว่า “การใช้มาตรการเช่นโควตาเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้ผู้หญิงมีบทบาทในการตัดสินใจอย่างแท้จริงในเวทีสากล” ซึ่งย้ำถึงความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลง และหมายถึงการส่งเสริมสิทธิของผู้หญิงในทุกเวที  

 

ภาพการเสวนา Women in Multilateralism ที่จัดโดยกระทรวงการต่างประเทศไทย เพื่อผลักดันมาตรการโควตาเพิ่มบทบาทผู้หญิงในเวทีสากล

 

บูรณาการแนวคิดทางกฎหมาย 

 

ศาสตราจารย์ วิทิต มันตาภรณ์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้รายงานพิเศษแห่งสหประชาชาติ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ แสดงความเห็นเรื่องกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ  

 

“ในหลายองค์กรระหว่างประเทศ เราพบว่าผู้หญิงครองตำแหน่งบริหารสูงสุดเพียงราว 15-20% เท่านั้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมที่มีอยู่ในระบบ”  

 

วิทิต ระบุว่า “การนำแนวคิด ‘intersectionality’ มาปรับใช้ในนโยบายจะช่วยให้สามารถออกแบบมาตรการที่ครอบคลุมและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น” โดยเสริมว่า “นโยบายที่ดีต้องมาจากความเข้าใจในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านเพศ อายุ สถานะทางเศรษฐกิจ รวมถึงประสบการณ์ส่วนบุคคลของผู้หญิง” และย้ำว่า “การบูรณาการมุมมองทางกฎหมายที่เข้มแข็งในทุกขั้นตอนของการออกแบบนโยบาย จะเป็นกุญแจสำคัญในการลดช่องว่างและสร้างระบบที่เป็นธรรม”  

 

 

ประสบการณ์ตรง: ความท้าทายและความมุ่งมั่นในเวทีนานาชาติ  

 

ดร. วิลาวรรณ มังคละธนะกุล ได้สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะเป็นผู้สมัครหญิงคนแรกของประเทศไทยและคนแรกของอาเซียนที่ได้รับเลือกเป็นกรรมาธิการกฎหมายระหว่างประเทศ (2566-2570) แบ่งปันประสบการณ์ว่า “การเป็นผู้หญิงในเวทีระหว่างประเทศนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความสามารถและความพยายาม เราสามารถพิสูจน์ตัวเองได้”  

 

ข้อมูลของ International Law Commission แสดงให้เห็นว่ามีสมาชิกผู้หญิงเพียง 9 คน จากสมาชิกรวมกว่า 230 คน ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่ผู้หญิงต้องเผชิญในการเข้าสู่เวทีนานาชาติ  

 

ดร.วิลาวรรณ ย้ำว่า “ความเป็นผู้หญิงไม่ควรถูกมองว่าเป็นจุดอ่อน แต่เป็นจุดแข็งที่สามารถนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงในสังคม”  

 

 

มาตรการโควตา: เครื่องมือสำคัญในการเปิดโอกาส 

 

ไม่ว่าจะเป็นจากสโลวีเนียหรือไทย ต่างก็เห็นพ้องกันว่า มาตรการโควตาเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการรับประกันว่าเสียงของผู้หญิงจะได้รับการยอมรับในวงการตัดสินใจ  

 

“โควตาไม่ใช่แค่การแบ่งสัดส่วน แต่เป็นการรับประกันว่าเสียงของผู้หญิงจะได้ยินและมีผลต่อการตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคตของสังคม”  

 

ตัวอย่างในบางประเทศที่ได้นำมาตรการโควตามาใช้ พบว่า  

 

  • เมื่อมีการกำหนดเป้าหมายให้ผู้หญิงมีสัดส่วนอย่างน้อย 30-40% ในคณะกรรมการหรือสภานโยบาย ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในมุมมองและนโยบายที่ตอบโจทย์ความเท่าเทียมมากขึ้น  
  • นโยบายโควตาที่ประสบความสำเร็จในบางประเทศสามารถเพิ่มสัดส่วนผู้หญิงในตำแหน่งบริหารได้ถึง 50% ภายในระยะเวลา 5-10 ปี  
  • มาตรการโควตายังช่วยลดช่องว่างที่เกิดจากอคติทางเพศและวัฒนธรรมที่ยังคงมีอยู่ในการตัดสินใจระดับสูง ด้วยการรับประกันว่าผู้หญิงที่มีศักยภาพและประสบการณ์จะได้รับการพิจารณาให้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการกำหนดนโยบาย  

 

รัฐมนตรี Fajon อธิบายเพิ่มด้วยว่า แม้จะมีการวิจารณ์ว่าโควตาอาจถูกมองว่าเป็นการเลือกสรรในลักษณะสัญลักษณ์ หรือ “tokenism” ที่ไม่คำนึงถึงคุณภาพและความสามารถ แต่เธอยืนยันว่าในบริบทของความไม่เท่าเทียมที่มีอยู่ในปัจจุบัน มาตรการโควตายังคงเป็นเครื่องมือที่จำเป็นในการเปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้แสดงศักยภาพอย่างแท้จริง  

 

เธอมองว่าการวิจารณ์ดังกล่าวมักมองข้ามความจริงที่ว่ามาตรการโควตาช่วยแก้ไขช่องว่างที่มีอยู่ในระบบที่เต็มไปด้วยอคติและการแบ่งแยกทางเพศ เมื่อเราเปิดโอกาสให้ผู้หญิงที่มีคุณภาพได้เข้ามามีส่วนร่วมจริง ๆ ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงในระบบอย่างยั่งยืนและเป็นธรรมมากขึ้น

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising