ดูเหมือนว่ามาตรการจัดการกับคนที่เห็นต่างกับผู้นำสหรัฐฯ กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด คาเรน ฟอนเซกา หญิงวัย 46 ปี ได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกเจ้าหน้าที่คุมขังนาน 4 ชั่วโมง จากกรณีที่รถกระบะของเธอติดสติกเกอร์โจมตีประธานาธิบดีคนที่ 45 ของประเทศอย่างโดนัลด์ ทรัมป์
สติกเกอร์ที่กำลังถูกถกเถียงนี้ระบุข้อความว่า “ไปตายซะทรัมป์ พวกแกที่ลงคะแนนให้มันก็ด้วย” (F**k Trump and f**k you for voting for him)
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากภาพถ่ายรถกระบะของเธอกระจายเกลื่อนอินเทอร์เน็ต จนทำให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายแสดงความรู้สึกวิตกกังวล และชี้ว่าข้อความนี้อาจนำไปสู่การเผชิญหน้าได้
ทรอย เนลส์ นายอำเภอเขตฟอร์ตเบนด์ มองว่าสติกเกอร์ดังกล่าวอาจละเมิดกฎหมายการประพฤติผิดระเบียบแบบแผนได้
ภายใต้กฏหมายมลรัฐเท็กซัส การประพฤติผิดระเบียบแบบแผนครอบคลุมถึงการใช้ถ้อยคำผรุสวาท หรือแสดงพฤติกรรมล่วงละเมิดในพื้นที่สาธารณะจนส่งผลกระทบต่อความสงบสุข
โพสต์เฟซบุ๊กจากนายอำเภอเพื่อตามหาเจ้าของรถบรรทุกและแจ้งเตือนข้อกฎหมายได้ถูกแชร์ออกไปอย่างต่อเนื่องมากกว่า 7,000 ครั้ง ขณะเดียวกัน ประชาชนที่ร่วมแสดงความคิดเห็นในโพสต์ระบุว่า เจ้าของรถบรรทุกสามารถกระทำการดังกล่าวได้ภายใต้การคุ้มครองของบทบัญญัติเพิ่มเติมที่ 1 ของรัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ที่ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่บางรายชี้แจงว่าถ้อยคำดังกล่าวละเมิดต่อผู้อื่น
ฝ่ายสหภาพเสรีภาพพลเรือนอเมริกัน (American Civil Liberties Union) ได้ออกมาทวีตข้อความสนับสนุนเจ้าของรถบรรทุกว่า “นายอำเภอ คุณไม่สามารถดำเนินคดีเรื่องนี้ได้เพียงเพราะมันมีคำว่า ‘F**k’ อยู่”
ด้านฟอนเซกาเปิดเผยอีกว่า เธอได้ติดสติกเกอร์ดังกล่าวมาเป็นเวลาเกือบปีแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาอะไร
ก่อนหน้านี้ จูลี บริสก์แมน หญิงวัย 50 ปี ต้องถูกไล่ออกจากงาน หลังยกนิ้วกลางใส่ขบวนรถประธานาธิบดี ซึ่งปัจจุบันมีการระดมทุนช่วยเหลือเธอเป็นเงินมากกว่า 2.3 ล้านบาทแล้ว
อ้างอิง: