วันนี้ (16 มีนาคม) เกิดเหตุวุ่นวายขึ้นหน้ากรมควบคุมโรค ระหว่างที่ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดินทางมาเพื่อขอข้อมูลสัญญา ข้อตกลง และเงื่อนไขผูกพันระหว่างรัฐบาล กับ AstraZeneca และบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ เกี่ยวกับการจัดหาและจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19
โดยการเดินทางมาในครั้งนี้เป็นกรณีสืบเนื่องจากครั้งก่อนที่ได้ยืนหนังสือผ่านไปยัง นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่มารับหนังสือด้วยตนเอง ต่อมาได้รับจดหมายตอบกลับว่าให้ไปขอข้อมูลเพิ่มเติมจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ จึงได้เดินทางมาในวันนี้
เมื่อเสร็จแล้วขณะที่กำลังเดินทางต่อไปยังกรมควบคุมโรคเพื่อเตรียมประสานงานต่อ เมื่อไปถึงกลับพบว่ามีกลุ่มมวลชนประมาณ 100 คน ดักรออยู่ที่หน้าอาคารกรมควบคุมโรค จากนั้นจึงได้มีเสียงโห่ตะโกนไล่ ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรคได้พยายามควบคุมสถานการณ์ให้ปกติ แต่กลุ่มคนดังกล่าวไม่ฟัง จากนั้นวิโรจน์ได้พยายามเจรจาแต่ก็ไม่เป็นผล กลุ่มคนดังกล่าวยังคงขับไล่อย่างเดียว
จากการสอบถามหญิงวัยกลางคนที่มาร่วมขับไล่ท่านหนึ่งว่ามาทำไม เธอตอบเพียงว่า “คนที่ชวนให้มาช่วยๆ กัน” พอถามต่อว่า “ช่วยเรื่องอะไร” เธอตอบอีกว่า “ไม่รู้”
จากนั้นวิโรจน์จึงเลี่ยงออกมา และเดินทางต่อไปยังตึกสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อดำเนินการขอข้อมูลให้เสร็จสิ้นตามขั้นตอน กลุ่มมวลชนก็ยังคงตามไปกดดันต่อ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ขอให้อยู่ในความสงบและสอบถามว่า “มาทำไม มาเพื่ออะไร ขอให้คุยกันดีๆ จะได้ไปแจ้ง ส.ส. ว่าต้องการอะไรจากเขา” มวลชนกลุ่มนี้จึงเงียบไปพักหนึ่ง แต่ก็ยังคงขวางทางอยู่ เจ้าหน้าที่จึงเชิญวิโรจน์เลี่ยงออกไปเพื่อเข้าอาคารในทางอื่น
ส่วนกลุ่มมวลชน เมื่อผ่านไประยะหนึ่งจึงสลายตัว หลังจากมีรถบัสสองชั้นขนาดใหญ่มารอรับ
ท้ายสุด วิโรจน์ตั้งคำถามว่าคนประเภทไหน ขนคนมาปกป้องไม่ให้คนอื่นตรวจสอบตนเอง
พร้อมระบุว่าในส่วนของเอกสารเพิ่มเติมที่ขอคือ แผนการส่งมอบวัคซีนของบริษัท AstraZeneca และสยามไบโอไซเอนซ์ให้กระทรวงสาธารณสุข เป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อที่จะได้ทราบว่าสอดรับกับขีดความสามารถในการฉีดวัคซีนของประเทศไทย ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ 5 ล้านโดส และเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป 10 ล้านโดส หรือไม่ รวมทั้งแผนในการกระจายวัคซีน ระบบโลจิสติกส์ในการจัดเก็บ และจุดบริการฉีดวัคซีนต่างๆ รวมทั้งแผนการจัดสรรบุคลากรทางการแพทย์ แผนการจัดเตรียมสถานที่ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจว่าการฉีดวัคซีนจะเป็นไปตามกำหนดการที่ทางรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้คำมั่นไว้กับประชาชน
“ผมคิดว่ารายละเอียดเหล่านี้เป็นสิทธิที่ประชาชนพึงรู้และร่วมกันตรวจสอบ เพราะมันไม่ใช่แค่การป้องกันโรคระบาด แต่ยังเป็นการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ ฟื้นคืนการทำมาหากินการประกอบอาชีพของประชาชนให้กลับสู่สภาวะใกล้เคียงกับปกติ เนื่องจากรายได้ลดลง หรือเข้าสู่สภาวะว่างงาน อันเป็นผลกระทบสืบเนื่องจากช่วงโควิด-19 ระบาด” วิโรจน์กล่าว
วิโรจน์กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ตนอยากเน้นย้ำคือเรื่องการกระจายความเสี่ยงในการจัดหาวัคซีน เพราะเมื่อมีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องความไม่มั่นใจในความปลอดภัยจากการฉีดวัคซีน จึงเป็นเรื่องปกติที่รัฐบาลจำเป็นต้องสั่งระงับหรือชะลอไว้ก่อน การมีวัคซีนเจ้าอื่นสำรองไว้เพื่อไม่ให้การฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนหยุดชะงักลง ก็ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงตรงนี้ได้ จริงอยู่ที่การสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคมก็ยังคงจำเป็น เพียงแค่ว่าการฉีดวัคซีนจะช่วยทำให้การระบาดของโควิด-19 นั้นลดน้อยลงไปอีก ผู้ที่ติดเชื้อก็จะมีอัตราเสี่ยงเสียชีวิตลดน้อยลงด้วย ดังนั้น เรื่องนี้เป็นข้อเสนอที่รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องใส่ใจ
ขณะที่จากการสังเกตพบว่ามวลชนกลุ่มนี้จะมีบุคคลคอยตะโกนสั่งการหรือกำกับราว 4-5 คน ทั้งหมดสวมเสื้อกลับด้าน ซึ่งมีข้อความถอดความได้ว่า ‘ลดอำนาจรัฐ เพื่อปากท้องประชาชน’ ซึ่งเป็นสโลแกนของพรรคการเมืองหนึ่ง รวมถึงมีโลโก้พรรคที่เสื้อด้านหน้า
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล