วันนี้ (22 ธันวาคม) ที่พรรคพลังประชารัฐ วิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐกล่าวถึงการอบรมว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) พรรคพลังประชารัฐในวันนี้ว่า เป็นการอบรมรุ่นที่ 2 และรุ่นที่ 3 ที่ได้รับการสั่งการจาก พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้กำหนดมาว่า ผู้สมัครของพรรคจะต้องเป็นผู้ที่รู้แนวทาง และแนวปฏิบัติการหาเสียงในการเลือกตั้ง โดยมีวิทยากรจาก ส.ส. ในอดีตที่มีความรู้ความสามารถมาถ่ายทอดให้แก่ผู้สมัคร โดยที่จะไม่ให้ผู้สมัครของพรรคได้รับการอบรมเฉพาะเรื่องที่ถูกเท่านั้น โดยไม่ให้ลองผิดโดยเด็ดขาด
วิรัชยังกล่าวถึงการการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคพลังประชารัฐว่า พรรคได้เตรียมจัดการประชุมในวันที่ 14 มกราคม 2566 รวมถึงมีการคัดเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ พร้อมทั้งยืนยันว่าหัวหน้าพรรคยังคงชื่อ พล.อ. ประวิตรเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่คณะกรรมการบริหารพรรคที่เราจะต้องเลือกกันใหม่ เนื่องจากว่าเราจะให้กรรมการบริหารพรรคที่ลง ส.ส. เขต จะให้พ้นจากการเป็นกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากกฎระเบียบของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการลงพื้นที่ มีกฎระเบียบเยอะไปหมด หากทำอะไรผิดพลาดเกรงว่าจะส่งผลกระทบถึงพรรค
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความพร้อมของผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค ในการเลือกตั้งนั้น วิรัชกล่าวว่า มีความพร้อมในการเลือกตั้ง 80% แล้ว เหลือเก็บรายละเอียดที่มีผู้แสดงเจตจำนงลงรับสมัครอีกหลายเขตในพื้นที่ กทม. ที่จะต้องทำโพล เพราะยังไม่สามารถแจ้งได้ว่าคนไหนลงรับสมัครเขตเลือกตั้ง ซึ่งมีมืออาชีพจำนวนมากที่จะเข้ามาช่วยพรรค
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงบุคคลที่จะเข้ามาดูแลรับผิดชอบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร วิรัชกล่าวว่า ตอนนี้พรรคยังไม่ได้มอบหมายใครเป็นพิเศษ คนที่ดูแลโดยตรงเลยคือ พล.อ. ประวิตร และมีผู้ช่วยอยู่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความจำเป็นในการจัดแม่ทัพเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่หรือไม่ วิรัชกล่าวว่า วันนี้มีความชัดเจนแล้วว่าใครที่จะต้องรับผิดชอบการเลือกตั้งในพื้นที่ใด ภาคไหน หากผู้สมัครคนใดอยากขึ้นกับพรรค หรือขึ้นกับคนในส่วนกลางก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีวางตัวผู้สมัคร ส.ส. 100% จะครบ 400 เขตเมื่อใด วิรัชกล่าวว่า คาดว่าก่อนวันระดมทุนของพรรคน่าจะมีความเรียบร้อยทั้งหมด พร้อมย้ำว่าเราไม่ได้เพิ่งทำ เราทำมาหลายเดือนแล้ว ด้วยบุคลากรที่มีอยู่ ส่วนกรณีมี ส.ส. ของพรรคลาออกเยอะ เมื่อมีการตรวจสอบดูแล้วก็พบว่าไม่เยอะ เป็นเรื่องปกติของพรรคการเมือง เมื่อมีคนออกก็มีคนรุ่นใหม่เข้ามาเช่นกัน อย่าง อันวาร์ สาและ อดีต ส.ส. หลายสมัย ที่จะออกจากพรรคเดิมและเข้าพรรคพลังประชารัฐมา
“เราอย่าไปวางเป้าเลย ว่าเราจะต้องได้ 100% อย่างกรุงเทพมหานครเราต้องเคารพประชาชน เป็นจังหวัดที่กระแสก่อนการเลือกตั้งเราไม่มีทางรู้ เราไม่มีทางกำหนดได้ว่าใครเป็นตัวเต็ง” วิรัชกล่าว
ส่วนเรื่องเป้าหมายของพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ วิรัชกล่าวว่า หากพูดตอนนี้มันเร็วเกินไป อย่างการเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่มีการประเมินว่า พรรคพลังประชารัฐได้แค่ 20-30 ที่นั่ง ตอนนั้นดูแล้วก็เจ็บใจ พอออกมาแล้วได้เกือบ 120 ที่นั่ง หากถามว่าอยากได้มากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้วหรือไม่ ก็อยากได้มากกว่า หวังได้ แต่ก็ต้องทำให้ดีที่สุดเช่นกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึง มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ว่ายังอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ วิรัชกล่าวว่า ยังอยู่เหมือนเดิม ตอนนี้กำลังทำการบ้านที่ได้รับจาก พล.อ. ประวิตรอยู่ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มี ส.ส. คนใดที่ออกจากพรรคไปแล้วขอกลับเข้าพรรคพลังประชารัฐอีกครั้งหรือไม่ วิรัชกล่าวว่า หากออกไปแล้ว ไม่รับกลับ เว้นแต่หัวหน้าพรรค แต่มั่นใจว่าน่าจะไม่มีใครกล้ากลับมาแล้ว