วานนี้ (22 พฤศจิกายน) องค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ว่า ฤดูหนาวปีนี้ผู้คนหลายล้านชีวิตในยูเครนกำลังตกอยู่ในอันตราย เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวจัดและการโจมตีแหล่งผลิตพลังงานของยูเครนอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้สถานการณ์ต่างๆ ยิ่งเลวร้ายลงมากยิ่งขึ้น
ดร.ฮานส์ อองรี พี คลุก ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคยุโรป ระบุว่า โครงสร้างทางด้านพลังงานของยูเครนกว่าครึ่งหนึ่งได้รับความเสียหายหรือไม่ก็ถูกทำลายอย่างหนัก เป็นเหตุให้ประชาชนกว่า 10 ล้านคนไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้ อีกทั้งยังคาดการณ์ว่าอุณหภูมิในบางพื้นที่อาจลดต่ำลงถึง -20 องศาเซลเซียส
โดยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียที่เคยผลิตกระแสไฟฟ้ากว่า 25% ของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ในยูเครน ก็ไม่ได้ผลิตไฟฟ้าอีกต่อไป เนื่องจากตกเป็นเป้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นแม้เจ้าหน้าที่ของ IAEA จะพบความเสียหายในหลายจุด แต่ก็ยังไม่มีการประกาศเตือนถึงสถานการณ์ที่น่าเป็นกังวลมากในช่วงเวลานี้ พร้อมกับประณามทุกการโจมตีที่เกิดขึ้นบริเวณโดยรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าว
WHO ยังรายงานอีกว่า นอกจากแหล่งผลิตพลังงานที่สำคัญของยูเครนที่ตกเป็นเป้าโจมตีของกองทัพรัสเซียแล้ว โครงสร้างด้านสาธารณสุขเองก็ได้รับรายงานเหตุถูกโจมตีมากถึง 703 ครั้ง นับตั้งแต่การรุกรานเปิดฉากขึ้นในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ดร.คลุกเผยว่า โรงพยาบาลและศูนย์ให้บริการด้านสาธารณสุขจำนวนมากในยูเครนไม่สามารถปฏิบัติงานได้เต็มประสิทธิภาพอีกต่อไป เนื่องจากขาดแคลนพลังงาน น้ำ และกระแสไฟฟ้า หลายแห่งก็ได้รับความเสียหายจากการโจมตีทางอากาศของกองทัพรัสเซีย สร้างความท้าทายให้กับระบบสาธารณสุขของยูเครนเป็นอย่างมาก
ทั้งแผนกแม่และเด็กที่จำเป็นต้องใช้ตู้อบ ธนาคารเลือดที่จำเป็นต้องใช้ตู้เย็นในการเก็บรักษาเลือด หรือแม้แต่ห้องฉุกเฉินที่จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ล้วนจำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าทั้งสิ้น ยังไม่นับรวมผู้ป่วยโรคต่างๆ ที่ยารักษาโรคขาดแคลนในช่วงศึกสงคราม รวมถึงจำนวนผู้ป่วยโควิดที่อาจเพิ่มสูงขึ้นช่วงฤดูหนาวนี้ เนื่องจากอัตราการฉีดวัคซีนโควิดอยู่ในระดับต่ำ คนจำนวนมากแทบไม่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ทำให้แทบจะไม่มีภูมิคุ้มกันในการรับมือกับเชื้อโควิด ยิ่งทำให้ประชาชนหลายล้านชีวิตตกอยู่ในความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
ภาพ: Sergei Supinsky / AFP
อ้างอิง: