เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีปลุกกระแสคนไทยใช้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยการทดลองขับ EV จากแบรนด์จีน BYD รุ่นใหม่ และเอาใจแบรนด์คู่แข่งด้วยการขับ Tesla รุ่น Model Y มาทำงาน ระหว่างนี้คงต้องลุ้นกันว่า จากการเยือนจีนเพื่อเข้าร่วมประชุม Belt and Road Forum ที่ปักกิ่ง ได้พบผู้นำทั่วโลก
และในอีกมิติหนึ่ง เศรษฐา ทวีสิน จะสามารถใช้โอกาสนี้จีบนักลงทุน EV รายใหม่ๆ เข้ามาลงทุนในไทยได้มากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงเดือนพฤศจิกายนก็มีแผนเดินทางไปสหรัฐอเมริกาอีกครั้งและเจรจากับ Tesla ให้มาตั้งโรงงานที่ประเทศไทย ภารกิจนี้จะสำเร็จหรือไม่
ล่าสุด จุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมบอร์ดครั้งแรกภายใต้คณะกรรมการบอร์ดชุดใหม่ ว่า ภายหลังจากที่ EEC ผลักดันเป้าหมายผ่าน 5 คลัสเตอร์ ได้แก่ การแพทย์ขั้นสูง, ดิจิทัล, ยานยนต์ไฟฟ้า (EV), BCG และบริการ และร่วมกับธนาคารกสิกรไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือสนับสนุนการขับเคลื่อนการพัฒนาแหล่งระดมทุนและบริการทางการเงิน เพื่อพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ล่าสุดอยู่ระหว่างทบทวนและปรับสิทธิประโยชน์พิเศษเป็นรายกรณีให้กับนักลงทุนรายใหม่ๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อาทิ Tesla ให้เข้ามาตั้งโรงงานผลิตในไทย หลังจากที่นายกรัฐมนตรีได้หารือกับผู้บริการของ Tesla ในการเยือนสหรัฐฯ เมื่อเดือนที่ผ่านมา
โดยเมื่อเร็วๆ นี้ได้นำเสนอแพ็กเกจให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา ซึ่งรายละเอียดเบื้องต้นของแพ็กเกจฉบับนี้จัดได้เป็นแพ็กเกจสูงสุดของการลงทุนในพื้นที่ EEC ไม่ว่าจะเป็นการยกเว้นภาษีการลงทุนต่างๆ สูงสุด 15 ปี และยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบทั้งอุปกรณ์และชิ้นส่วน การให้วีซ่าระยะยาวในการพำนักในไทยสูงสุด 10 ปี ทั้งในกลุ่มแรงงานและนักลงทุนต่างชาติ ขณะเดียวกันแพ็กเกจดังกล่าวจะเป็นแพ็กเกจพิเศษที่มากกว่า BOI ที่ยกเว้นภาษีการลงทุนสูงสุดที่ 8 ปี
รวมไปถึงการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Flat Rate) เหลือ 17% และปรับอัตราค่าเช่าพื้นที่สร้างโรงงาน คาดว่าจะให้เช่าได้สูงสุด 99 ปี ทั้งนี้ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำข้อมูลเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เร็วๆ นี้ และเพื่อบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2568 ต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
“เดือนพฤศจิกายน ผมและนายกรัฐมนตรีมีแผนการเดือนทางไปสหรัฐฯ ซึ่งนายกฯ จะไปประชุม APEC คาดการณ์ว่านายกรัฐมนตรีอาจจะนำเสนอแพ็กเกจการลงทุนดังกล่าวเสนอต่อ Tesla ให้มาตั้งโรงงานที่ประเทศไทย”
ทำไม Tesla ยังไม่มาตั้งโรงงานผลิตรถ EV ในไทย
THE STANDARD WEALTH สรุปบทวิเคราะห์จากเกียรตินาคินภัทรซึ่งระบุว่า ที่ผ่านมาสาเหตุที่ Tesla ยังไม่มาตั้งโรงงานผลิตรถ EV ในไทย เนื่องจากตลาดรถยนต์ไทยมีขนาดเล็กและกำลังซื้อน้อยกว่าจีนและสหรัฐฯ โดยยอดขายรถยนต์นั่ง EV ในไทยมีเพียง 3-4 แสนคันต่อปี ขณะที่จีนขายได้ 20 ล้านคันต่อปี ซึ่ง Tesla มียอดขายในจีนอยู่ประมาณ 4 แสนคันต่อปี
นอกจากนี้มาตรการรัฐที่สนับสนุนราคา Tesla ก็ยังสูงกว่าระดับราคารถที่คนไทยส่วนใหญ่ใช้อยู่ และการนำเข้ามีแนวโน้มถูกกว่าการผลิตในไทย Tesla ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า อีกทั้งนโยบายอุตสาหกรรมประเทศอื่นดึงดูดการลงทุนมากกว่าไทย ส่งผลให้ปัจจุบัน Tesla เลือกจะนำเข้ารถยนต์จากจีนแทนการมาตั้งฐานการผลิตในไทย เพื่อใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากข้อตกลงการค้าเสรี
อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะมีมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ แต่ก็มีเงื่อนไขกำหนดว่าต้องผลิตชดเชยการนำเข้าภายในปี 2567 เท่ากับจำนวนที่นำเข้าในปี 2565-2566 จึงทำให้ Tesla ไม่ได้เข้าร่วมมาตรการดังกล่าวและไม่ได้ส่วนลดทางภาษีพร้อมกับเงินอุดหนุนเหมือนค่ายรถจีน และยังไม่มีแผนสำหรับการตั้งฐานผลิตที่ไทย แม้ว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทยจะเติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา
EV หมุดหมายพัฒนาเศรษฐกิจ
สำหรับการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้บรรจุวาระของการส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้าเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญจากทั้งหมด 13 หมุดหมายในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 (พ.ศ. 2566-2570) เพื่อให้สอดรับกับเป้าหมายและแผนการดำเนินงานที่วางไว้
ในปีที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นการลงทุนและความต้องการ EV ในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็น
- การอุดหนุนเงินสดสูงสุดถึง 150,000 บาท สำหรับรถ EV ที่ผลิตในประเทศ
- การยกเว้นภาษีนิติบุคคลสูงถึง 13 ปี สำหรับการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนในประเทศไทย
- การยกเว้นภาษีนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปและชิ้นส่วนเทคโนโลยีสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้าในระยะเริ่มต้น
- การลดอัตราภาษีสรรพสามิต
- การลดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตจดทะเบียนรถ
- การได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีด้านการส่งออกผ่านกรอบข้อตกลง FTAs ซึ่งทำให้การส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนจากไทยไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชีย-แปซิฟิกเสียภาษีใกล้เคียงศูนย์
นอกจากนี้ยังมีมาตรการส่งเสริมที่ไม่ใช่การเงิน เช่น การเร่งขยายโครงข่ายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีเป้าหมายติดตั้งสถานีชาร์จให้ได้ 12,000 แห่งทั่วประเทศภายในปี 2573
หลังจากนี้คงต้องติดตามบทบาทเซลส์แมนและการพบนักธุรกิจชาวอเมริกันอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้ ก่อนจะส่งท้ายปีเศรษฐาจะสามารถนำแพ็กเกจการลงทุนใหม่นี้มัดใจ อีลอน มัสก์ สำเร็จหรือไม่ ต้องติดตาม