สุดสัปดาห์นี้พรีเมียร์ลีกเตรียมกลับมาลงสนามอีกครั้ง โดยเกมบิ๊กแมตช์ประจำ Matchweek ที่ 4 หนีไม่พ้นเกม ‘นอร์ธลอนดอนดาร์บี’ ระหว่างท็อตแนม ฮอตสเปอร์ กับอาร์เซนอล สองทีมคู่ปรับแห่งลอนดอนตอนเหนือ
แต่ไฮไลต์ที่กลายเป็นคำถามสำคัญสำหรับเกมนัดนี้คือ ข่าวการบาดเจ็บของ มาร์ติน โอเดการ์ด จอมทัพกัปตันทีมกันเนอร์ส ที่โชคร้ายข้อเท้าพลิกในระหว่างการรับใช้ทีมชาตินอร์เวย์ในช่วงโปรแกรมทีมชาติเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา
ตามข่าวแล้ว โอเดการ์ดจะต้องพักการเล่นอย่างน้อย 3 สัปดาห์ด้วยกัน ซึ่งเป็นสภาวะที่อาร์เซนอลไม่เคยประสบมาก่อน เนื่องจากสตาร์ชาวนอร์เวย์แทบไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บเลยนับตั้งแต่ย้ายมาจากเรอัล โซเซียดาด ในปี 2021
การขาดดาวเตะวัย 25 ปี จะมีผลกับอาร์เซนอลมากถึงขั้นขาดใจไหม?
ตามข้อมูลสถิติแล้ว นับจากที่โอเดการ์ดย้ายมาอยู่กับอาร์เซนอลตั้งแต่เดือนมกราคม 2021 อดีตเด็กเทพชาวนอร์เวย์ผู้ถูกทิ้งขว้างในทีมเรอัล มาดริด กลายเป็นตัวหลักของทีมทันที และแทบไม่ขาดการลงสนามให้กับทีมเลย
สถิติบอกไว้แบบนี้
- ช่วงเวลาที่ผ่านมา โอเดการ์ดลงสนามให้อาร์เซนอล 116 นัดในพรีเมียร์ลีก โดยพลาดการลงสนามเพียงแค่ 19 นัดเท่านั้น
- ในจำนวน 116 นัดที่ลงสนาม โอเดการ์ดมีส่วนช่วยให้ทีมเก็บชัยชนะได้ถึง 77 นัด คิดเป็น 66.4 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูงมาก (เสมอ 17 แพ้ 22) เก็บแต้มได้เฉลี่ย 2.1 คะแนน
- เช่นเดียวกับจำนวนประตูได้ (Goals for) ที่อาร์เซนอลยิงได้ถึง 243 ประตู หรือคิดเฉลี่ย 2.1 ประตูต่อนัด
ทีนี้มาเทียบเวลาที่ไม่ได้ลงสนามบ้าง
- โอเดการ์ดพลาดการลงสนามแค่ 19 นัด ซึ่งจำนวนนี้ทีมเก็บชัยชนะได้ 10 นัด (เสมอ 2 แพ้ 7)
- โอกาสชนะลดลงมาอยู่ที่ 52.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และแต้มเฉลี่ยลงมาเหลือ 1.7
- จำนวนประตูได้อยู่ที่ 31 ประตู เฉลี่ยนัดละ 1.6 ประตู ซึ่งน้อยกว่าเวลาที่เขาลงสนามอย่างเห็นได้ชัด
ตรงนี้เป็นการบ่งบอกได้ดีในระดับหนึ่งว่า โอเดการ์ดมีความสำคัญกับอาร์เซนอลแค่ไหน เพียงแต่หากจะให้เจาะลึกลงไปในรายละเอียดแล้ว The Analyst ได้ลงบทวิเคราะห์ โดยหยิบสถิติเกี่ยวกับกองกลางมาดนิ่งรายนี้มานำเสนอได้อย่างน่าสนใจ
นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว (2023/24) จนถึง 3 นัดแรกของฤดูกาลนี้ (2024/25) โอเดการ์ดเป็นนักเตะที่มีค่าเฉลี่ยคาดการณ์แอสซิสต์ (Expected Assist หรือ xA) สูงที่สุดที่ 11.9 ครั้ง และทำแอสซิสต์ได้จริงๆ ที่ 10 ครั้งด้วยกัน
โอเดการ์ดยังเป็นผู้เล่นที่สร้างโอกาสในการเล่นแบบโอเพนเพลย์ได้มากที่สุดถึง 93 ครั้ง ซึ่งเราจะเห็นได้บ่อยขึ้นในระยะหลังว่า การผ่านบอลที่คมกริบในพื้นที่สุดท้าย (Final Third) ของเขาสร้างโอกาสในการทำประตูให้แก่อาร์เซนอลได้ตลอด
ที่สำคัญเขาไม่ได้โฟกัสแค่เรื่องของการสร้างโอกาสทำประตูเท่านั้น เพราะกองกลางไวกิ้งยังมีส่วนทำให้เกมรุกของอาร์เซนอลนุ่มนวลและลื่นไหลด้วย สถิติที่น่าสนใจคือ โอเดการ์ดผ่านบอลในพื้นที่สุดท้ายได้สำเร็จถึง 852 ครั้ง นักเตะคนเดียวที่มีสถิตินี้ดีกว่าเขาคือ โรดรี ห้องเครื่องของแมนเชสเตอร์ ซิตี้
แต่หากคิดรวมการมีส่วนร่วมในเกมรุก (Attacking Sequence Involvements) แล้ว ซึ่งจะรวมตั้งแต่โอกาสยิง (Shot), การสร้างโอกาส (Chance Created) และการเซ็ตบอลสู่การยิง (Build Up to Shot) แล้ว โอเดการ์ดเป็นเบอร์หนึ่งในพรีเมียร์ลีก โดยรวมแล้วทำได้ถึง 280 ครั้ง มากกว่าโรดรีที่ทำไว้ 274 ครั้ง
โอเดการ์ดไม่ได้มีส่วนกับแค่เกมรุกเท่านั้น แต่เขายังเป็นนักเตะที่เล่นเพรสซิงหนักหน่วงมากที่สุดด้วย
โดยตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว โอเดการ์ดมีค่าการกดดันคู่แข่ง (Pressure – การพยายามเข้าไปแย่งบอลกลับ หรือเข้าไปปิดทางการจ่ายบอลของคู่แข่ง) สูงที่สุดในพรีเมียร์ลีกถึง 1,250 ครั้ง เหนือ โดมินิก โซลังกี (1,242) และ บรูโน แฟร์นันด์ส (1,232)
ในจำนวนความพยายาม 1,250 ครั้งของเขา เปลี่ยนเป็นการเทิร์นโอเวอร์ให้อาร์เซนอลชิงบอลกลับมาได้ถึง 180 ครั้งด้วยกัน และในจำนวน 180 ครั้งเป็นการชิงบอลกลับได้ในพื้นที่สุดท้ายถึง 116 ครั้งด้วยกัน
ฉายให้เห็นภาพความทุ่มเทเพิ่มอีก โอเดการ์ดเป็นนักเตะพรีเมียร์ลีกคนเดียวที่วิ่งเพรสซิงคู่แข่งมากถึง 11.113 กิโลเมตร ไม่มีนักฟุตบอลคนไหนที่จะขยันและทุ่มเทไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ดังนั้นการขาดโอเดการ์ดเป็นระยะเวลานานแบบนี้ จะเป็นโจทย์ใหญ่สำหรับ มิเกล อาร์เตตา ที่จะต้องหาทางทำให้ทีมรักษาเสถียรภาพเอาไว้ให้ได้ เพราะกองกลางกัปตันทีมรายนี้ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่เรื่องของการสร้างโอกาสในเกมรุกเท่านั้น โดยเฉพาะการเล่นสอดประสานกับ บูกาโย ซากา และ เบน ไวต์ ทางฝั่งขวาที่เป็นอาวุธหนักของทีมที่ได้ผลตลอด
แต่เขายังสำคัญต่อการกำหนดทิศทางจังหวะของเกม ไปจนถึงการมีส่วนช่วยเพรสซิงที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมตื่นตัว และทำให้เกมรับของกันเนอร์สมีความดุดันตั้งแต่แดนบนเลยทีเดียว
เป็นคำถามที่ไม่ง่ายเลยสักนิดสำหรับอาร์เตตา เพราะ เอมิล สมิธ โรว์ นักเตะที่มีคุณสมบัติคล้ายกัน ถูกปล่อยไปให้กับฟูแลมก่อนแล้ว ขณะที่ มิเกล เมริโน กองกลางดีกรีแชมป์ยูโร 2024 จากเรอัล โซเซียดาด ก็โชคร้ายบาดเจ็บที่หัวไหล่ ต้องพักยาวเหมือนกัน
ไหนจะขาด ดีแคลน ไรซ์ ที่โชคร้ายโดนใบเหลือง-แดงในเกมนัดก่อนที่เสมอกับไบรท์ตัน และ ริคคาร์โด คาลาฟิออรี กองหลังตัวใหม่ ก็โชคร้ายบาดเจ็บไปด้วยอีกคน
แต่ที่น่าจะหนักที่สุดก็คือการขาดโอเดการ์ดนี่แหละ ที่เดี๋ยวจะได้รู้ว่าขาดแล้วจะขาดใจหรือเปล่า
ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย
อ้างอิง: