ลองจินตนาการภาพว่า คุณอยู่ในเมืองบ้านนอกสงบเงียบ ใช้ชีวิตด้วยการทำไร่ทำนา เข้านอนตั้งแต่หัวค่ำ ตื่นนอนแต่ไก่โห่เพื่อมาเลี้ยงสัตว์ คุณรู้จักทุกคนในเมืองทั้งหมด เพราะมีคนอาศัยอยู่ในเมืองไม่ถึง 50 คน
วันหนึ่งมีคนจากที่ไหนไม่รู้มาอยู่ที่ฟาร์มใกล้ๆ เมืองของคุณ มาสร้างฟาร์มให้กลายเป็นเมืองที่มีระบบสาธารณูปโภคครบครัน ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่โอเค แต่นอกจากความเจริญแล้ว พวกเขาก็ยังมาทำพิธีกรรมแปลกๆ มามีเซ็กซ์กันเสียงดัง มาทำตัวลับๆ ล่อๆ แล้วพวกเขาไม่ได้มากันแค่สิบยี่สิบคน
แต่มากันเป็นพันคน!
เรื่องข้างต้นไม่ได้มาจากหนังเรื่องไหน แต่มาจากเรื่องจริงที่นำมาทำเป็นสารคดีสืบสวนระทึกขวัญเรื่องนี้ Wild Wild Country โดยมาร์กและเจย์ ดูพลาส ผู้กำกับดูโอ ที่เคยให้สัมภาษณ์ว่า “ไม่อยากเชื่อว่าอเมริกาจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้นโดยที่เราไม่เคยรู้!”
เรื่องเริ่มขึ้นในปี 1982 ที่รัฐออริกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา มีคนมาซื้อไร่ชื่อ Big Muddy Ranch ใกล้เมืองแอนทิโลป ประชากรที่นั่นส่วนมากเป็นผู้สูงอายุวัยเกษียณและเกษตรกร ตอนแรกพวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเป็นคนรวยคนหนึ่งที่มาซื้อฟาร์มแถวนี้ไว้เป็นกรรมสิทธิ์ แต่แท้จริงแล้ว เขามาตระเตรียมที่ทางรอเวลาให้ที่นี่พร้อมจะต้อนรับคนสำคัญที่จะเดินทางตามมาในไม่ช้า
ภควัน ศรี ราชนีช
ภควันเป็นคุรุปรัชญาชาวอินเดียที่ตั้งอาศรมอยู่ที่เมืองปูเน คำสอนที่แหวกแนว บุคลิกที่ทรงพลัง และการเทศน์ที่เข้าถึงใจของคนทำให้เขาโด่งดัง ซึ่งความโด่งดังของลัทธิของภควันทำให้มีผู้เดินทางมาเข้าคอร์สปฏิบัติธรรมที่นี่ถึงปีละ 30,000 คน แต่อย่างไรก็ดี การปฏิบัติธรรมของพวกราชนีชก็ก่อให้เกิดความอึดอัดและกระทบชุมชนโดยรอบ ทำให้ มา อนันด์ ชีลา เลขานุการส่วนตัวของภควัน ต้องหาที่ปฏิบัติธรรมใหม่ให้กับผู้ติดตามของภควัน และที่ฟาร์ม Big Muddy ก็เหมาะเป็นที่สุด
ที่สหรัฐอเมริกา หลังจากตระเตรียมพื้นที่อยู่นานแรมเดือน ซึ่งนั่นรวมถึงการสร้างระบบประปาและไฟฟ้าขึ้นมาใหม่ สร้างอาคารสถานที่อยู่อาศัยขึ้นมาจากผืนดินโล่งๆ เคลื่อนย้ายอาคารบางอาคารมาจากอาศรมที่อินเดีย และรวมถึงขนรถโรลส์รอยซ์เป็นสิบคันที่เป็นของสะสมของภควัน
วันที่ 29 สิงหาคม ปีเดียวกันนั้นเอง ภควัน ศรี ราชนีชก็ย้ายจากอินเดียไปอาศัยอยู่ที่ฟาร์มอย่างถาวร พร้อมๆ กับผู้ติดตามและสาวกอีกนับพัน
บรรยากาศโดยรวมของสารคดีคือ ความไม่ไว้วางใจระหว่างชาวบ้านและพวกราชนีช ระหว่างคนมาใหม่กับคนที่อยู่เดิม ซึ่งยิ่งผู้มาใหม่มีพฤติกรรมที่น่ากังวลใจมากเท่าไร พวกชาวบ้านก็ยิ่งรู้สึกว่าพวกเขาเป็นภัยต่อชุมชนมากขึ้นเท่านั้น
ชาวบ้านเองมองว่า พวกราชนีชคือภัยคุกคามความสงบ ส่วนพวกราชนีช หรือนีโอสันยาสีเหล่านี้ ก็มองว่า พวกเขาเพียงต้องการหาที่ทางได้ปลดปล่อยตัวเองจากกรอบ และเลือกที่นี่เป็นที่ปลดปล่อยนั้น
ภายหลัง ความน่ากังวลใจลุกลามมากขึ้นไปจากแค่พฤติกรรม นั่นคือชาวราชนีชที่นำโดยชีลา เลขาของภควัน เริ่มมีการซ้อมยิงปืน เริ่มพกปืนตรวจตราทั่วพื้นที่ รวมทั้งเริ่มแทรกซึมเข้ามาในสภาของเมืองแอนทิโลป เปลี่ยนชื่อเมืองแอนทิโลปเป็น ‘ราชนีชปุราม’ และยิ่งไปกว่านั้นคือ พวกเขาดูมีเจตนาที่จะเข้าครอบครองที่นั่งในรัฐสภาของออริกอน ด้วยวิธีการที่ไม่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นการกระทำของผู้มีศีลมีธรรม และนั่นรวมไปถึงการวางยาพิษและวางแผนฆาตกรรม!
6 ตอนของ Wild Wild Country เล่าเรื่องราวที่ ‘โกโซบิ๊ก’ ไปกันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ของความขัดแย้งระหว่างชาวบ้านและพวกราชนีช ผ่านการสัมภาษณ์ผู้คนที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะในมุมของชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องรับมือเหตุการณ์ และรวมไปถึงชาวราชนีชหลายชีวิตที่เปิดปากเล่ามุมมองต่อเหตุการณ์ตอนนั้นด้วยตัวเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ชีลา เลขาผู้ทรงอิทธิพลของภควัน!
เราในฐานะคนไทยอาจไม่ตกใจมากนัก ถ้ารู้ว่าต่อมาภควันได้เริ่มสนใจในปรัชญาแนวเซนและเปลี่ยนชื่อมาเป็นโอโช (OSHO) นักปรัชญาที่มีหนังสือสอนธรรมะหลายเล่มในบ้านเรา และประวัติศาสตร์ช่วงราชนีชปุรามนี้เป็นวันเวลาที่ชีลากล่าวว่า มูลนิธิโอโช “พยายามจะไม่พูดถึงมัน”
ถ้าจะมีอะไรสักอย่างที่เรื่องราวชีวิตของโอโชสอนเราได้เลยโดยไม่ต้องอ่านจากหนังสือ ก็คงเป็นเรื่องราวภายในจิตใจของมนุษย์ที่ซับซ้อนแต่ก็ตรงไปตรงมา ความกลัวเป็นบ่อเกิดหลักของความขัดแย้งทั้งมวล เมื่อเรากลัวเราจึงระแวดระวัง และเมื่อเราระแวดระวังเราจึงพร้อมจะทำร้ายผู้คนที่ทำให้เรากลัว
การปฏิบัติธรรมคือ อิสรภาพในการแสวงหาพื้นที่ที่ทำให้เราสบายใจ แต่ในบางครั้งความขัดแย้งก็เกิดขึ้นมาจากการแสวงหาความสบายใจนั้นได้เช่นกัน
แล้วเมื่อนั้นความสบายใจนั้นจะยังทำให้เราสบายใจอยู่ได้จริงๆ หรือ
- โอโชเสียชีวิตเพียงไม่กี่ปีหลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จบลง
- Wild Wild Country มีทั้งหมด 6 ตอน ทั้งหมดมีให้เลือกดูได้ทาง Netflix