ตะวันออกกลางอ้าแขนรับ EV! ซาอุดีอาระเบียเร่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ Ceer และวางแผนติดตั้งสถานีชาร์จ EV ในประเทศ 50,000 แห่งในปี 2026 พร้อมกับเปิดรับการลงทุนของค่ายรถจากจีนและสหรัฐฯ ทั้ง GM, NIO, Ford รวมถึง BYD ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett ในตลาดจอร์แดน
ขึ้นชื่อว่า ‘ตะวันออกกลาง’ ประเทศที่ร่ำรวยจากน้ำมันมาอย่างยาวนาน แต่เมื่อโลกเปลี่ยนการจะไปลงทุนในเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากทรัพยากรน้ำมันหมดไปความต้องการทั่วโลกลดลง จะมองข้ามธุรกิจที่นอกเหนือจากน้ำมันไม่ได้
สำนักข่าว CNBC รายงานสถานการณ์พลังงานตลาดตะวันออกกลางว่า ‘BlackRock’ ผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นผู้ถือหุ้นให้กับหลายบริษัทระดับโลก ประกาศในสัปดาห์นี้ว่าจะเพิ่ม ‘Saudi Aramco’ ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในโลกเข้าร่วมในคณะกรรมการบริหาร ส่งผลให้เหล่านักลงทุนต่างไม่ทันตั้งตัว
เนื่องจากบทบาทของ BlackRock ระยะหลังกำลังทุ่มลงทุนให้กับพอร์ตพลังงานแห่งอนาคต การลงทุนคาร์บอนต่ำ ซึ่ง Larry Fink ซีอีโอ BlackRock เองก็ได้รับแรงกดดันอย่างหนัก และเข้าใจเนื่องจากอุตสาหกรรมพลังงานทั่วโลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียว
อย่างไรก็ตาม ด้วยกระแสยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทำให้กลุ่มประเทศตะวันออกกลางอย่างซาอุดีอาระเบีย ประเทศมหาอำนาจที่ได้ขึ้นชื่อว่าร่ำรวยจากน้ำมันและก๊าซมายาวนาน ต้องเร่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าหลังจากที่ได้ประกาศความร่วมมือกับ Foxconn และ BMW เพื่อพัฒนาแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติใแบรนด์ ‘Ceer’ เพื่อเพิ่มรายได้จากธุรกิจใหม่ที่นอกเหนือจากธุรกิจน้ำมัน โดยเข้าไปเป็นเจ้าของ 60% กับผู้ผลิต EV รถหรูอย่าง Lucid Motors ที่เพิ่งลงทุนไป 1.8 พันล้านดอลลาร์ จากเงินกองทุนสาธารณะ
ตะวันออกกลางปรับรับสภาพภูมิอากาศ
ขณะเดียวกันก็พบว่ารถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตในอิสราเอล โดยยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึง 210% และในบาห์เรนที่มี Gauss Auto บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกัน ได้ร่วมมือในปีนี้กับบริษัท Marson Group ของบาห์เรน กำลังมีแผนเปิดโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ
นอกจากนี้ ยังเปิดรับการมาของ EV เป็นหุ้นส่วนในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ของ Einride ซึ่งเป็นบริษัทรถบรรทุกไฟฟ้าอัตโนมัติที่มีสำนักงานใหญ่ในสวีเดนและมุ่งเน้นไปที่ตลาดโลจิสติกในตะวันออกกลาง
Tammy Klein ประธานสภายานยนต์ไฟฟ้า กล่าวว่า ต้องยอมรับไม่ใช่เพียงแค่ความนิยมที่มากขึ้น แต่ละประเทศจำเป็นต้องคำนึงถึงสภาพภูมิอากาศ แน่นอนว่าตะวันออกกลางก็ต้องตระหนักไม่ต่างกัน
รัฐบาลซาอุดีอาระเบียหนุนโครงสร้างพื้นฐาน
สำหรับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รัฐบาลซาอุดีอาระเบียกำลังให้ทุนสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นให้เปิดกว้างและยอมรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) จากแนวโน้มที่เติบโตขึ้น ซึ่งหากนับตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นมา มีโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าของซาอุดีอาระเบีย (SEVCIDI) ได้วางเป้าหมายในการติดตั้งสถานีชาร์จในประเทศ 50,000 แห่งภายในปี 2025 ไว้รองรับ
EV จีนและสหรัฐฯ เจาะตลาดตะวันออกกลาง
โดยขณะนี้มีทั้งผู้เล่นรถยนต์รายใหญ่จากสหรัฐอเมริกาและจีนกำลังแข่งขันกันเพื่อเข้ามาเจาะตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในตะวันออกกลาง ซึ่งมีทั้ง GM ที่กำลังเตรียมเปิดตัว Cadillac Lyriq, GMC Hummer EV และ Chevrolet Bolt EUV ในตะวันออกกลางปีนี้ ในขณะที่ Ford ก็พร้อมที่จะเปิดตัว EV ในภูมิภาคนี้ในปี 2024 เช่นกัน
มากไปกว่านั้น ค่ายรถจีนกำลังเคลื่อนเข้าสู่ภูมิภาคนี้มากสุด โดยส่วนหนึ่งมาจากการสนับสนุนจากรัฐบาลที่ล่าสุดกระทรวงเพื่อการลงทุนของซาอุดีอาระเบียเพิ่งลงนามข้อตกลงมูลค่า 5.6 พันล้านดอลลาร์กับ Horizons แบรนด์ NIO ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีน โดยถือหุ้น 7% ใน NIO ที่มีฐานผลิตอยู่ในเซี่ยงไฮ้ หลังจากที่ได้ลงทุน 738.5 ล้านดอลลาร์กับผู้ผลิต EV รายอื่นๆ ไปเมื่อเดือนที่แล้ว
รวมไปถึงรถ EV รายใหม่ๆ ของจีนกำลังกระจายไปในตลาดตะวันออกกลางอย่าง Zeekr ที่เข้าไปทำตลาดในอิสราเอลและ BYD ผู้นำ EV จากจีนก็ได้รับการสนับสนุนจาก Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett ในตลาดจอร์แดน
น้ำมันจะยังไม่หายไปใน 20 ปี
อย่างไรก็ตาม กระแสยานยนต์ไฟฟ้ากำลังเข้ามาในตะวันออกกลาง แต่ต้องยอมรับว่าน้ำมันจะยังไม่หายไปในทศวรรษนี้ และความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกจะยังเพิ่มขึ้นเป็น 110 ล้านบาร์เรลต่อวันในอีกประมาณ 20 ปี ความต้องการพลังงานของโลกยังเพิ่มขึ้น 23%
“น้ำมันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ในอนาคตอันใกล้ ตลาดยังมีอุปทานที่ดี” Haitham Al Ghais เลขาธิการ OPEC กล่าว
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงของ EV กำลังมาถึงตะวันออกกลาง แต่จังหวะเวลาและการลงทุนนั้นแบตเตอรี่และแร่ธาตุที่ทรัพยากรต้นน้ำถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของตลาด
แต่สิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้คือ แต่ละประเทศอาจต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานพลังงานของตนเองเพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
อ้างอิง: