สำหรับครั้งนี้นับเป็นปีแรกที่ SC Asset คว้ารางวัล The Most Powerful Real Estate Brand โดยองค์ประกอบที่ทำให้เกิดความสำเร็จมาจากการเป็นแบรนด์ที่มีการปรับตัวเติบโตต่อเนื่อง ทั้งการรับรู้ ภาพลักษณ์ และความพึงพอใจของลูกค้า จนสามารถครองตำแหน่งอันดับ 1 ในปีนี้

 

คุณจูนและคุณเขมเผยถึงที่มาของรางวัลใหญ่ส่งท้ายปี 2565 ซึ่งเกิดขึ้นจาก 2 ปัจจัยที่สร้างความโดดเด่นให้ SC Asset 

 

 

One Size Doesn’t Fit All 

ในยุคที่ผู้คนมีอิสระในการใช้ชีวิตและเลือกเสพข้อมูลข่าวสาร รวมถึงเดินทางข้ามพรมแดนมากยิ่งขึ้น ผู้คนจึงมีความคิด รสนิยม และไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันออกไป เมื่อมองหาที่อยู่อาศัยสักหลัง บ้านที่มีหน้าตาหรือฟังก์ชันเหมือนๆ กัน ย่อมไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องอีกต่อไป 

 

One Size Doesn’t Fit All คือแนวคิดเบื้องหลังการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์ SC Asset ที่เชื่อว่าแต่ละคนชื่นชอบในบ้านที่มีฟังก์ชันแตกต่าง มุ่งให้ผู้บริโภคยุคใหม่ใช้สอยทุกๆ พื้นที่ของบ้านได้อย่างคุ้มค่า และตรงกับตัวตนและความต้องการของพวกเขา ซึ่งแนวคิดนี้สะท้อนผ่านการออกแบบฟังก์ชันใหม่ๆ มาสู่ตัวบ้าน 

 

 

คุณเขม ณัฏฐกิตติ์ ผู้มีส่วนสำคัญในการดีไซน์ที่อยู่อาศัยแบบใหม่ๆ ในแต่ละโครงการ ฉายภาพถึงไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ว่า 

 

“เดิมเรามักเห็นการชูจุดขายเรื่องการมีจำนวนห้องที่เยอะๆ เพื่อตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่ แต่ผู้บริโภคยุคนี้อยู่เป็นโสดกันมากขึ้น นอกจากนี้คู่รักหลายๆ คู่ยังเลือกที่จะไม่มีลูก บ้านที่มีจำนวนห้องเยอะๆ จึงกลายเป็นสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของพวกเขา โดยสิ่งที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้มองหาคือที่อยู่อาศัยที่ออกแบบเพื่อพวกเขาอย่างแท้จริง นั่นจึงเป็นที่มาของการออกแบบ ‘บ้านคนโสด’ โดยเน้นการออกแบบพื้นที่ให้สอดคล้องกับรูปแบบชีวิตและรสนิยมของแต่ละคน เช่น ในอนาคตเราจะเห็นบ้านที่มีราคาไม่สูง แต่สามารถมีอ่างอาบน้ำ หรือบ้านที่ออกแบบเพื่อคนที่รักการเล่นเกมโดยเฉพาะ” 

 

นอกจากนี้เขายังให้ความเห็นไว้ว่า หลักคิดสำคัญของการออกแบบบ้านในอนาคตไม่ใช่การวิ่งตามเทรนด์ให้ทัน แต่เป็นการออกแบบที่เข้าใจถึงความสุขของลูกค้า “ไม่เน้นปริมาณ (Quantity) แต่เน้นให้ความสำคัญกับเรื่องของคุณภาพ (Quality) เป็นที่ตั้ง” 

 

เราไม่เคยทิ้งลูกค้า 

นอกจากการออกแบบบ้านที่ให้ความสำคัญกับความสุขของผู้อยู่อาศัย อีกเรื่องหนึ่งที่ SC Asset ทำได้อย่างโดดเด่นและพิชิตใจของลูกค้ายุคปัจจุบันได้ก็คือเรื่องการให้ความสำคัญกับบริการหลังการขาย คุณจูน โฉมชฎา ผู้อยู่เบื้องหลังแคมเปญสุดสร้างสรรค์มากมาย รวมถึงแคมเปญล่าสุดที่มุ่งสู่การยืนหนึ่งเรื่องการให้บริการลูกค้า #จะกี่ปีSCไม่ทิ้งคุณ เผยให้ฟังถึงความท้าทายที่นำมาสู่ความสำเร็จครั้งนี้ 

 

“การออกมาชูจุดเด่นเรื่องบริการหลังการขายไม่ใช่เรื่องง่าย และนับเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของเรา เรียกได้ว่าการทำงานบริการหลังการขายจะต้องมีความกล้าประมาณหนึ่งเลยทีเดียว เพราะทำดีคือเสมอตัว แต่หากทำผิด ผู้บริโภคจะรู้สึกแย่กับคุณไปเลย SC Asset จะไม่บอกว่าเราไม่เคยทำผิด แต่สิ่งที่ยืนยันได้อย่างชัดเจนคือ ‘เราไม่เคยทิ้งลูกค้า’ ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของคุณ เราจะไม่ปล่อยให้คุณต้องสู้อยู่คนเดียว แต่เราจะอยู่เคียงข้าง ให้บริการอย่างเต็มที่ เพื่อให้ผ่านปัญหาต่างๆ ไปด้วยกัน” 

 

 

หากถามว่า ทำอย่างไรให้พนักงานที่มีความแตกต่างหลากหลายรู้สึกรักในการให้บริการกับลูกค้า? คุณจูน โฉมชฎา เผยว่า ผู้นำมีส่วนสำคัญเป็นอย่างยิ่ง การมีซีอีโอเป็นต้นแบบที่ดีคือคีย์สำคัญที่ทำให้พนักงานทุกระดับซึมซับวัฒนธรรมของการส่งมอบการบริการที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า

 

“ความโชคดีของพวกเราคือการมีซีอีโอที่เป็นแบบอย่างที่ดี โดยเฉพาะเรื่องการให้ความสำคัญกับ ‘ลูกค้า’ ในด้านการออกแบบ สิ่งที่ซีอีโอจะพูดเสมอคือ ดูเทรนด์ ดูคู่แข่งได้ แต่ต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญมากที่สุดคือลูกค้า ต้องเข้าใจว่าลูกค้าเปลี่ยนไปแค่ไหน และเราต้องตามเขาให้ทัน” 

 

นอกจากนี้ทุกๆ เดือนองค์กรแห่งนี้ยังมีการจัดประชุมที่ใช้ชื่อว่า Voice of Customer หรือการเปิดห้องเพื่อแชร์ประสบการณ์ที่ดีที่เกิดขึ้นกับลูกค้า และการให้ผู้บริหารแต่ละฝ่ายนำปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะปฏิบัติงานมาเปิดเผยให้ฟัง เพื่อร่วมกันออกแบบแนวทางแก้ไข ส่งผลให้การส่งมอบงานรวมทั้งการบริการสู่ลูกค้าผิดพลาดน้อยลง และสมบูรณ์แบบมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

หากพูดถึงบทเรียนจากความสำเร็จของ SC Asset คงต้องบอกว่าเกิดจากการไม่หยุดเรียนรู้ และปรับตัวเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่ๆ รวมถึงการมีวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ที่ทำให้พนักงานทุกคนกล้าดึงศักยภาพที่มีมาใช้ในการทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อส่งมอบบริการที่ดีที่สุดสู่ลูกค้า และอีกปัจจัยหนึ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือ ‘ผู้นำ’ ที่ทุ่มเทและเป็นต้นแบบของการปรับเปลี่ยน 

 

องค์กรที่ฝันอยากสร้างแบรนด์ที่สามารถเข้าไปนั่งอยู่ในใจของผู้บริโภคต้องไม่ละเลยสิ่งเหล่านี้ เพราะอย่าลืมว่าปัจจุบันลูกค้ามีตัวเลือกในการเลือกสินค้ามาก และคุณภาพของสินค้าก็แข่งขันกันสูง สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้ว่าจะเลือกแบรนด์ คือเขาต้องรักแบรนด์เราจริงๆ ไม่ใช่แค่เรื่องของโปรโมชันการขาย