จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่าใครจะได้ครอบครองกิจการ Subway แฟรนไชส์ร้านแซนด์วิชชื่อดัง เพราะบริษัทเอกชนที่สนใจซื้อกิจการนับ 10 ราย กำลังวางแผนจัดหาเงินทุนเพื่อเข้าซื้อกิจการ
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวกับ JPMorgan ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินของ Subway ว่า ธนาคารที่ดำเนินการขาย Subway ได้วางแผนจัดหาเงินทุนเข้าซื้อกิจการให้กับบริษัทเอกชนที่กำลังแข่งขันกันซื้อกิจการด้วยเงิน 5,000 ล้านดอลลาร์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- Subway กำลังเข้าสู่การประมูลรอบที่ 2 แต่ราคาอาจลดลงเหลือ 2.4 แสนล้านบาท จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ 3.4 แสนล้านบาท
- Subway แฟรนไชส์ร้านแซนด์วิชพร้อมขายกิจการแล้ว! ด้วยมูลค่าสูงกว่า 334,000 ล้านบาท หากขายสำเร็จจะเป็นดีลที่ใหญ่สุดในอุตสาหกรรมอาหาร
- ยกเครื่องเมนูใหม่ได้ผล ยอดขายรายสัปดาห์ของ Subway ในสหรัฐฯ เพิ่มมากสุดในรอบ 8 ปี
คาดหวังว่าท่ามกลางความท้าทายของสภาวะเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้ผู้ที่สนใจซื้อต้องชั่งน้ำหนักว่ามูลค่าที่ Subway ที่ตั้งไว้กว่า 8,500-10,000 ล้านดอลลาร์ เป็นราคาที่ยังสูงเกินไป
แน่นอนว่าการจัดหาเงินลงทุนระยะยาวจะขึ้นอยู่กับราคาสินเชื่อและพันธบัตรราวๆ 6.75 เท่า ถ้าเทียบกับรายได้ของ Subway ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ก็อยู่ประมาณ 750 ล้านดอลลาร์ อาจเป็นไปได้ว่าการจัดหาเงินทุนของ WBS เป็นวิธีแก้ไขปัญหาชั่วคราวเท่านั้น เพราะการกู้ยืมต้องใช้แฟรนไชส์ร้านอาหารเข้ามาเป็นหลักประกัน
ที่สำคัญต้องมีการตรวจสอบตามสาขา ซึ่งอาจใช้เวลานานกว่า 1 ปี โดยผู้ประมูลอาจจะต้องพึ่งพาแพ็กเกจหนี้ของ JPMorgan เพื่อตกลงกับ Subway ในกระบวนการซื้อกิจการดังกล่าว
ด้าน Barclays หนึ่งในธนาคารที่เกี่ยวกับการจัดหาเงินทุนระยะยาว กล่าวต่อว่า
แพ็กเกจการเงินของ JPMorgan มีอัตราดอกเบี้ยประมาณ 15% ถือว่ายังสูงเกินกว่าที่บริษัทเอกชนจะเลือกใช้
ทั้งนี้ การประมูลรอบแรกถูกยื่นในเดือนมีนาคม แต่บริษัทเอกชนกว่า 10 แห่งที่ยื่นในครั้งนั้นไม่ผ่านเข้ารอบ เพราะราคาที่ยื่นนั้นต่ำเกินไป ซึ่ง Subway ต้องการขายด้วยมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 3.4 แสนล้านบาทขึ้นไป และยังไม่มีการรับประกันว่าจะได้ตัวเลขหรือข้อตกลงนั้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน Subway มีสาขามากกว่า 37,000 แห่งทั่วโลก โดยเมื่อไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 12.1% โดยมาจากการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจทั้งเมนูและแคมเปญใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดทั้ง Jimmy John’s, Firehouse Subs และ Burger King
อ้างอิง: