วันนี้ (10 ตุลาคม) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ได้ประกาศให้ระบบการกำกับดูแลวัคซีนของไทย (Thailand’s National Regulatory Authority (NRA) for Vaccine) อยู่ในระดับที่ 3 (Maturity Level 3) ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับ 2 (ระดับวัดจาก 1-4 สูงสุดคือระดับ 4) ของระบบการจำแนกประเภทในการกำกับดูแลวัคซีนระดับชาติตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก มีผลเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
Mariangela Simao ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ด้านเวชภัณฑ์และผลิตภัณฑ์สุขภาพขององค์การอนามัยโลก ได้ประกาศในการประชุมวิสามัญของ International Conference of Drug Regulatory Authorities (ICDRA) เมื่อวันที่ 20-24 กันยายน 2564 ทั้งนี้ ระบบการจำแนกประเภทในการกำกับดูแลวัคซีนระดับชาติขององค์การอนามัยโลกใช้การประเมินผ่านเครื่องมือ Global Benchmarking Tool (GBT) ที่มีมาตรฐาน โดยคำนึงถึงคุณภาพ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ โดยประเมินเป็นระดับวัดจาก 1-4 ซึ่งประเทศไทยอยู่ในระดับวัดที่ 3 หมายถึง ระบบการกำกับดูแลวัคซีนมีเสถียรภาพ มีการบูรณาการการทำงานอย่างเป็นระบบ
ธนกรกล่าวว่า WHO ระบุว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ไทยได้ปรับปรุงระบบการกำกับดูแลวัคซีน (NRA) มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการวัคซีนภายในประเทศที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการสร้างภูมิคุ้มกันให้เด็ก ความคืบหน้าเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของไทยในการเป็นหน่วยงานที่ได้รับความไว้วางใจ สามารถส่งออกวัคซีนที่ผลิตภายในประเทศได้ รวมไปถึงมีส่วนสนับสนุนการจัดหาวัคซีนในระดับภูมิภาคและระดับโลก อีกทั้งมุ่งมั่นที่จะขยายแนวทางการกำกับดูแลวัคซีน พัฒนายา และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมการทำงานของทุกภาคส่วน กระทรวงสาธารณสุข หมอและพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ที่มีส่วนสำคัญต่อความก้าวหน้าในการฉีดวัคซีนของไทย ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อความก้าวหน้าของระบบสาธารณสุขไทยจนเป็นที่ยอมรับและได้รับการรับรองจากนานาชาติ พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐบาลพร้อมเร่งพัฒนาประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น และวางแนวนโยบายที่เหมาะสมโดยคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนเป็นสำคัญ นอกจากนั้นกำชับประชาชนอย่าการ์ดตก หลังจากคลายล็อกปรับมาตรการมีประชาชนหลายจังหวัดมีกิจกรรมรวมตัวกันทำให้มีผู้ติดเชื้อในหลายจังหวัด