เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเตือนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้หยุดเรียกไวรัสโคโรนาว่า ‘ไวรัสจีน’ ชี้อาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติแบบเหมารวมและเหยียดเชื้อชาติโดยไม่เจตนา
ดร.ไมค์ ไรอัน ผู้บริหารโครงการฉุกเฉินของ WHO กล่าวว่า “ไวรัสไม่รู้จักพรมแดนและไม่สนเกี่ยวกับชาติพันธุ์ของคุณ สีผิวของคุณ และไม่สนว่าคุณจะมีเงินในธนาคารเท่าใด ดังนั้นมันจึงสำคัญมากที่เราจะระมัดระวังการใช้ภาษาที่อาจนำไปสู่การเลือกปฏิบัติแบบเหมารวมต่อผู้คน”
ด้าน บิล เกตส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ก็ออกมาแสดงความเห็นด้วยกับไรอัน โดยเขียนตอบในส่วนของ Ask Me Anything บนเว็บไซต์ Reddit ว่า “เราไม่ควรเรียกสิ่งนี้ว่าไวรัสจีน”
อย่างไรก็ตาม เมื่อทรัมป์ถูกนักข่าวถามถึงกรณีการใช้คำว่าไวรัสจีนอย่างต่อเนื่อง เขายืนกรานว่านั่นไม่ใช่การเหยียดเชื้อชาติอย่างแน่นอน ขณะที่ในสหรัฐฯ มีรายงานกรณีการเลือกปฏิบัติ และอคติต่อชาวอเมริกันเชื้อสายจีนในสังคม โดยส่วนหนึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวแพร่ไวรัสโคโรนา
“เพราะมันมาจากประเทศจีน นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเรียกแบบนั้น” ทรัมป์ตอบผู้สื่อข่าว
ทั้งนี้ WHO พยายามหลีกเลี่ยงการตั้งชื่อไวรัสที่อาจกลายเป็นการตีตราทำลายประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง โดยได้เลือกชื่อที่ไม่อ้างอิงถึงที่ตั้งตามภูมิศาสตร์ สัตว์ บุคคล หรือกลุ่มคน ซึ่งชื่อ ‘โควิด-19’ (COVID-19) เป็นคำที่ย่อมาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
ไรอันย้ำว่า WHO เรียกร้องให้เกิดความสามัคคี และเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของคนทั่วโลก การเรียกไวรัสแบบนั้นอาจทำให้เกิดพฤติกรรมหวาดกลัวชาวต่างชาติได้
“ตอนนี้เป็นเวลาที่จะสามัคคีกัน เป็นเวลาของข้อเท็จจริง และการก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน เพื่อต่อสู้กับไวรัสไปด้วยกัน ไม่มีใครที่จะต้องถูกตำหนิกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เราต้องการในขณะนี้คือการระบุสิ่งที่ต้องทำเพื่อก้าวไปข้างหน้าให้เร็วขึ้น และหลีกเลี่ยงการระบุเจาะจงชาติพันธุ์หรือกลุ่มคนกับไวรัสนี้
เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ได้ที่ thestandard.co/coronavirus-coverage
และอัปเดตทุกความเคลื่อนไหวของโรคโควิด-19 ได้ที่ www.facebook.com/thestandardth
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: