รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนว่า ยอดผู้ติดโควิดระลอกใหม่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงนี้อาจสูงแตะ 100 ล้านคนทั่วประเทศ พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่สภาคองเกรสควรเร่งอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้น
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ตัวเลขคาดการณ์ผู้ติดเชื้อที่ระดับ 100 ล้านคนนั้นได้มาจากการนำปัจจัยต่างๆ ที่รัฐบาลสหรัฐฯ เฝ้าสังเกตและติดตามมาวิเคราะห์ทำแบบจำลอง เพื่อประเมินกลับไปเป็นยอดผู้ติดเชื้อในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว โดยเจ้าหน้าที่เปิดเผยกับสำนักข่าว CNN ว่า การประเมินนี้อิงตามสมมติฐานที่ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดเกิดขึ้นโดยที่สหรัฐฯ ไม่ได้ระดมทรัพยากรช่วยเหลือเพิ่ม และไม่ได้ใช้มาตรการบรรเทาผลกระทบใดๆ ซึ่งรวมถึงการอนุมัติงบประมาณก้อนใหม่จากสภาคองเกรสหรือการอุบัติขึ้นของโควิดสายพันธุ์ใหม่
ทำเนียบขาวได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ในขณะที่รัฐบาลพยายามเดินหน้าผลักดันให้สภาคองเกรสยอมอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อนำมาใช้ต่อสู้กับเชื้อไวรัส โดยขณะนี้ตัวเลขของผู้เสียชีวิตจากโควิดในสหรัฐฯ ใกล้แตะที่เส้น 1 ล้านคนแล้ว
ฝ่ายบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดี โจ ไบเดน พยายามส่งเสียงเตือนมาหลายสัปดาห์แล้วว่า การอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อนำมาสานต่อมาตรการรับมือโควิดของรัฐบาล ถึงแม้ในขณะนี้สหรัฐฯ จะใช้แผนการอยู่ร่วมกับเชื้อไวรัส ซึ่งได้มีการยกเลิกข้อจำกัดด้านการควบคุมโรคไปแล้วจำนวนมาก
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยื่นขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมวงเงิน 2.25 หมื่นล้านดอลลาร์ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อนำมาใช้ในการต่อสู้กับโควิด ซึ่งรวมถึงเงินทุนสำหรับการทดสอบเชื้อ การรักษา การบำบัด และการป้องกันโรคระบาดใหญ่ในอนาคต แต่ในท้ายที่สุดก็ถูกปัดตกไป โดยภายหลังจากนั้นวุฒิสภาก็ได้บรรลุข้อตกลงฉบับใหม่เป็นเงินทุนช่วยเหลือด้านโควิดเพิ่มเติมวงเงิน 1 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่จำนวนดังกล่าวก็น้อยกว่าที่รัฐบาลร้องขอไปมากกว่าครึ่ง อย่างไรก็ตาม ในเดือนเมษายนสภาคองเกรสก็ไม่ได้ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว ท่ามกลางเสียงคัดค้านนโยบาย Title 42 ซึ่งเป็นกฎหมายด้านโควิดที่อนุญาตให้ทางการสามารถส่งตัวผู้อพยพออกจากประเทศได้ทันทีหากมีเหตุผลด้านสาธารณสุขที่จำเป็นเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลสหรัฐฯ ได้กล่าวเตือนว่า หากสภาคองเกรสไม่ยอมอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติม สหรัฐฯ ก็มีความเสี่ยงที่จะไม่สามารถสู้กับการแพร่ระบาดของโควิดได้ในอนาคต
ภาพ: Yasin Ozturk / Anadolu Agency via Getty Image
อ้างอิง: