×

1 ปีของ ‘ลุงพลฟีเวอร์’ สังคมไทยได้อะไรกลับมา

02.06.2021
  • LOADING...
ลุงพล คดี น้องชมพู่

HIGHLIGHTS

3 mins. read
  • ปริศนาการเสียชีวิตของน้องชมพู่ได้ส่งให้ผู้ต้องหาคดีทอดทิ้งเด็กจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายกลายเป็นผู้มีหน้ามีตาในสังคม เป็นแขกรับเชิญในวงการบันเทิง เป็นนักร้อง เป็นนายแบบโฆษณา จนไปถึงการใช้บ้านของลุงพลเป็นสถานที่สำหรับพาเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษามาทัศนศึกษา กว่าสังคมจะรู้ตัวลุงพลก็ได้กลายเป็น ‘ไอดอล’ คนใหม่ที่โด่งดังจากคดีการเสียชีวิตของเด็กไปเสียแล้ว
  • ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ข่าวจำนวนมากที่ประชาชนควรจะรับรู้ถูกปรากฏการณ์ ‘ลุงพลฟีเวอร์’ กลบไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆ ที่การจัดลำดับความสำคัญของข่าวที่ควรรายงานมากที่สุดอันดับหนึ่ง และรองลงมาจะสามารถกำหนดทิศทางของการรับรู้ภายในสังคมได้ว่า ณ ตอนนี้ประชาชนควรจะให้ความสำคัญกับเรื่องใด 

เป็นเวลากว่าหนึ่งปีมาแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 น้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบได้หายตัวไปอย่างปริศนาพร้อมกับทิ้งความลับแห่งหมู่บ้านกกกอก อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ไว้ให้สังคมไทยร่วมกันแก้ไข 

 

ในวันนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าการทวงคืนความยุติธรรมให้กับเด็กหญิงตัวน้อยนี้จะกลายเป็นหนึ่งในบาดแผลครั้งใหญ่ของสังคมไทย เมื่อแสงไฟแห่งความสนใจได้สาดส่องลงมาที่หนึ่งในผู้ต้องสงสัยอย่าง ‘ลุงพล’ ญาติใกล้ชิดของชมพู่ที่กลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืนจากการประโคมข่าวของสื่อมวลชนหลายสำนัก และแรงผลักดันจากกระแส #Saveลุงพล บนโซเชียลมีเดีย จนกล่าวได้ว่าความสนใจของสังคมอยู่ที่ตัวของญาติสนิทผู้นี้มากเสียกว่าการแก้ตัวคดีที่นับวันกระแสยิ่งแผ่วลง กระทั่งความสงสัยได้คลายลงในวันที่ 1 มิถุนายน 2564 เมื่อตำรวจได้ออกหมายจับลุงพลว่าเป็นผู้ต้องหาในการเสียชีวิตของชมพู่

 

ความลึกลับ ปริศนาน่าสงสัยและเร้าอารมณ์ ที่มักจะแฝงไปด้วยปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติเป็นหนึ่งในรสชาติของข่าวที่คนไทยชื่นชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่แต่ละสำนักข่าวต่างแย่งชิงเรตติ้งกันอย่างดุเดือดจนก่อให้เกิดปรากฏการณ์ ‘ลุงพลฟีเวอร์’ ที่สื่อมวลชนหลายเจ้านำเสนอข่าวของลุงพลแม้ว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับตัวคดีน้องชมพู่แต่อย่างใด ในที่สุดปริศนาการเสียชีวิตของเด็กคนหนึ่งได้ส่งให้ผู้ต้องหาคดีทอดทิ้งเด็กจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายกลายเป็นผู้มีหน้ามีตาในสังคม เป็นแขกรับเชิญในวงการบันเทิง เป็นนักร้อง เป็นนายแบบโฆษณา จนไปถึงการใช้บ้านของลุงพลเป็นสถานที่สำหรับพาเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษามาทัศนศึกษา กว่าสังคมจะรู้ตัว ลุงพลก็ได้กลายเป็น ‘ไอดอล’ คนใหม่ที่โด่งดังจากคดีการเสียชีวิตของเด็กไปเสียแล้ว แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีที่ตัวคดีมีวี่แววสิ้นสุดลงในไม่ช้า แต่เป็นเรื่องน่าเวทนาที่สื่อมวลชนได้ให้พื้นที่กับผู้ต้องหาบนหน้าสื่อไปแล้วนักต่อนัก ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาข่าวจำนวนมากที่ประชาชนควรจะรับรู้ถูกเหตุการณ์นี้กลบไปอย่างน่าเสียดาย

 

 

การกำหนดวาระข่าวสาร (Agenda Setting) เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ที่สำคัญของสื่อสารมวลชน ในฐานะผู้ป้อนข้อมูลที่ประชาชนจำเป็นจะต้องรู้ การจัดลำดับความสำคัญของข่าวที่ควรรายงานมากที่สุดอันดับหนึ่งและรองลงมาจึงสามารถกำหนดทิศทางของการรับรู้ภายในสังคมได้ว่า ณ ตอนนี้ประชาชนควรจะให้ความสำคัญกับเรื่องใด ในขณะที่สังคมกำลังกลับมาให้ความสนใจการเคลื่อนไหวของคดีน้องชมพู่-ลุงพล ในครั้งนี้ กระแสของการอภิปรายร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ ปี 2565 ที่ว่าด้วยเรื่องการแจงงบประมาณที่มาจากภาษีของคนไทยในสภาก็ถูกกลบลงไปด้วยเช่นกัน

 

หลายครั้งสื่อมวลชนเคยถูกเปรียบว่าเป็น ‘ฐานันดรที่ 4’ ของสังคม เนื่องจากสื่อสารมวลชนเป็นฐานันดรที่สามารถมอบพลังโดยการเป็นปากเสียงให้กับประชาชนผู้มีอำนาจน้อย และลดพลังของผู้ปกครองผ่านกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง สื่อสารมวลชนจึงเป็นมากกว่าผู้ให้ความบันเทิงผ่านโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ แต่เป็นผู้ถ่วงดุลอำนาจของแต่ละฐานันดรผ่านการจัดสรรข้อมูลภายในสังคม

 

ไม่ใช่นำเสนอเพียงสิ่งที่ประชาชน ‘อยากรู้’ แต่ต้องนำเสนอสิ่งที่ประชาชน ‘ต้องรู้’

 

หากในเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เห็นว่าหากสื่อมวลชนมีพลังถึงขนาดที่จะกลับขาวเป็นดำ โดยการปั้นให้ผู้ต้องหาคดีการเสียชีวิตของเด็กกลายเป็น ‘ไอดอล’ ผู้มีชื่อเสียงในสังคมได้นั้น สื่อมวลชนก็มีอำนาจเพียงพอที่จะทำหน้าที่หลักของตนเองในการสืบหาความจริงที่ถูกปกปิดอยู่ในประเทศนี้ได้เช่นกัน

 

หลายคนอาจกล่าวว่าลุงพลเปรียบเสมือนคนถูกหวย น่าเสียดายที่ผลจากหวยครั้งนี้หมดลงเร็วเกินคาดคิด 

 

แต่สังคมไทยที่มีสื่อมวลชนที่ทำให้ผู้ต้องหาคดีเป็นคนถูกหวย ประชาชนไทยทุกคนคงมีสถานะไม่ต่างอะไรกับคนที่ถูกหวยกินอยู่ทุกต้นเดือน

 

พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising