ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ และนักฟุตบอลอย่าง ซนฮึงมิน ไปจนถึง แฮร์รี เคน มีอะไรที่เหมือนกัน?
พวกเขาคือทีมที่ผ่านการถูกมองว่าต้องคำสาปอะไรบางอย่าง ให้ไม่สามารถคว้าแชมป์ได้ แม้ว่าจะเข้าใกล้แค่ไหนก็ตาม
หลังผ่านพ้นเดือนพฤษภาคม ปี 2025 พวกเขาทุกคนต่างก็เอาชนะคำสาปได้ในทางของตัวเอง และได้ทำมันด้วยหลักการบางอย่างที่พวกเขามีเหมือนกันหมด
แต่พวกเขาหลุดพ้นจากคำสาป ต้องใช้หัวใจแบบไหน?”
ฟุตบอลไม่ใช่แค่เกมของลูกบอลที่กลิ้งอยู่บนสนามหญ้า แต่มันคือสนามจำลองชีวิต สนามของความฝัน ความกล้า และการต่อสู้กับความกลัวที่มองไม่เห็น
หนึ่งในความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกกีฬาก็คือคำสาป ไม่ใช่เพราะมันมีอยู่จริง แต่เพราะทุกคนเชื่อว่ามันมีอยู่จริง
ช่วงปี 2024-2025 กลายเป็นปีที่ ‘คำสาป’ หลายสิบปีถูกทำลายลงทีละชิ้น
ไม่ใช่เพราะโชคช่วย แต่เพราะความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากภายใน
-
เริ่มต้นพวกเขาเปลี่ยนวิธีคิดจนเกิดการเปลี่ยนผลลัพธ์
ถ้าคุณจะเปลี่ยนเส้นทางของทีม คุณต้องเริ่มที่ ‘วิธีคิดของคนทั้งทีมก่อน’
ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุด พวกเขาทุ่มเงินมากว่าสิบปีซื้อนักเตะระดับโลกทุกคนที่ใฝ่ฝันถึง ทั้ง เนย์มาร์-เมสซี-เอ็มบัปเป้ แต่ก็ยังล้มเหลวบนเวทียุโรป
มันไม่ใช่เพราะขาดคุณภาพ แต่มันคือการขาด ‘จิตวิญญาณของความเป็นทีม’
แต่ปีนี้ หลุยส์ เอ็นริเก้ เข้ามาด้วยแนวคิดที่ต่างออกไป เขาสร้างทีมที่เล่นกันด้วยวินัย ความเข้าใจ และศรัทธาในระบบ 4-3-3 ของเขา
ผลลัพธ์คือแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และยังเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบชิงฯ ด้วยสกอร์ 5-0
พวกเขาได้แสดงให้เห็นว่า คำสาปไม่ได้พังด้วยฝีเท้า แต่พังด้วยความเปลี่ยนแปลงจากภายในจิตใจของแต่ละคน ต่อยอดไปถึงทีม และไปจนถึงแชมป์
-
ทีมเวิร์กเหนือชื่อเสียง
หลายคนคิดว่าการหลุดพ้นจากคำสาปต้องการ ‘นักเตะระดับโลก’ แต่ผลงานในปีนี้พิสูจน์แล้วว่า สิ่งที่สำคัญกว่า คือความสามัคคี
ปารีส แซงต์ แชร์กแมงยุคใหม่ในสายตา คริส ซัตตัน นักวิเคราะห์จาก BBC Radio 5 Live มองว่า
“หลุยส์ เอ็นริเก้ เป็นจิกซอว์ชิ้นสุดท้ายของพวกเขา เขาอยู่ในระดับเดียวกับกุนซือชั้นนำของโลกยุโรป
“อายุของทีมชุดนี้ทั้ง เดซีเร่ ดูเอ้, วีตีญา, เจา เนเวส, วิลเลียน ปาโช่ และ อัชราฟ ฮาคิมี ต่างก็มีอนาคตที่น่าจับตามอง
“ทีมนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของวิวัฒนาการของพวกเขา สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคือ หลักการในการทำงานของพวกเขา ทีมนี้พร้อมที่จะวิ่ง ทุ่มเทอย่างหนัก และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาประสบความสำเร็จ”
ทีมที่เล่นเพื่อกันและกันจึงไม่มีคำว่าสาป พวกเขามีแต่คำว่า “เป็นไปได้”
-
กล้าเผชิญความเจ็บปวด และเดินหน้าต่อ
ทุกทีมที่ประสบความสำเร็จในปีนี้มีบางสิ่งเหมือนกัน พวกเขาเคยล้มเหลว
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เคยถูกล้อเลียนด้วยภาพตู้เก็บถ้วยแชมป์ที่ว่างเปล่า และห่างแชมป์มาเป็นเวลาหลายปี ว่าเป็นทีมที่ “ไม่มีวันได้แชมป์”
แต่การมาของ แอนจ์ ปอสเตโคกลู ไม่ได้เปลี่ยนแค่แท็กติก เขาเปลี่ยน ‘ความกลัว’ ให้เป็น ‘ความกล้า’ และเปลี่ยน ‘ความเคยชินกับความผิดหวัง’ ให้เป็น ‘ความหิวกระหายในการพิสูจน์ตัวเอง’
รวมถึงถ้าใครจำภาพหลังเกมนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกรอบชิงปี 2020 ได้ จะเห็นภาพของเนย์มาร์ร้องไห้อย่างหนักในวันที่เขาไม่สามารถพาปารีส แซงต์ แชร์กแมง ปลดล็อกแชมป์ได้ หลังพ่ายให้กับบาเยิร์น มิวนิก ในนัดชิงฯ ไป 0-1
ดังนั้นความล้มเหลวในอดีตไม่ใช่ศัตรู หรือสิ่งที่บ่งบอกว่าคุณจะไม่ประสบความสำเร็จในอนาคต แต่คือบันไดที่เราต้องก้าวขึ้นไป และเดินหน้าต่อ
-
🏆 คำสาปไม่เคยมีอยู่จริง
คำว่า ‘คำสาป’ เป็นเพียงสิ่งที่เราสร้างขึ้นเพื่ออธิบายสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจ
แต่ทุกคำสาปที่ถูกทำลายในฤดูกาลนี้ บอกเราบางอย่างที่สำคัญมาก…
การจะหลุดพ้นจากคำสาปได้
ไม่ใช่เพราะคุณโชคดี
แต่เพราะคุณกล้าเผชิญหน้า กล้าเปลี่ยนแปลง และกล้าที่จะอดใจรอวันที่มันจะเป็นของคุณ
และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องมีต่อคำว่าคำสาปคือ มุมมอง
Amy Morin นักจิตบำบัด (Psychotherapist) เคยพูดถึงคนที่มีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งไว้ว่า คนเหล่านี้คือคนที่ ไม่เสียเวลาสงสารตัวเองกับสถานการณ์ที่ต้องเจอ หรือมุมมองที่คนอื่นมีต่อพวกเขา
แต่พวกเขาเลือกที่จะมองเห็นความรับผิดชอบต่อบทบาทที่พวกเขามีในชีวิตของตัวเอง และเข้าใจว่าสถานการณ์ที่เจอไม่ใช่เรื่องที่ง่าย และค่อยหาทางรับมือกับมัน
และที่สำคัญที่สุดคือพวกเขาไม่ปล่อยให้อำนาจที่จะกำหนดชีวิตของตนเองหลุดมือพวกเขาไป ด้วยการบอกตัวเอง หรือฟังคำพูดของคนที่บอกว่า “เราถูกคำสาปไว้ไม่ให้สำเร็จ” ในเป้าหมายที่เราต้องการ
หากคุณรู้สึกว่าชีวิตตอนนี้เหมือนกำลังติดอยู่กับคำสาปบางอย่าง
จงจำไว้ว่า…ไม่มีคำสาปไหนที่แข็งแกร่งไปกว่าความเชื่อในตัวเอง
หลุยส์ เอ็นริเก้ เคยให้สัมภาษณ์กับการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตเขาว่า
“ผมมองว่าตัวเองโชคดีหรือโชคร้ายนะเหรอ?
“ผมมองว่าตัวเองโชคดี…โชคดีมากๆ”
พิธีกรสวนมาว่า “แต่ลูกสาวคุณเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 9 ขวบนะครับ”
แต่เอ็นริเกก็ตอบกลับไปว่า “แต่ลูกสาวผมใช้ชีวิตอยู่กับพวกเราตั้ง 9 ปีอย่างงดงามนะ”
“เรามีความทรงจำที่ดีจากเธอ ทั้งวิดีโอ และสิ่งต่างๆ ที่งดงามมากๆ
“ซาน่ายังอยู่กับเราทุกๆ วัน แม้ว่าเธอจะไม่ได้นั่งอยู่กับเรา แต่เธออยู่กับเราในจิตวิญญาณ
“เพราะทุกครั้งที่เราพูดถึงเธอ เราหัวเราะ และจดจำเรื่องราวของเธอได้
“เพราะผมคิดว่าซาน่ายังเห็นเราอยู่
“และผมก็คิดเสมอว่า ผมอยากให้ซาน่าเห็นว่าเราใช้ชีวิตแบบไหน”