จากเหตุการณ์เครื่องบิน Boeing 777-300ER ของสายการบิน Singapore Airlines เที่ยวบิน SQ321 ตกหลุมอากาศอย่างรุนแรงระหว่างบินจากลอนดอนสู่สิงคโปร์ จนนำไปสู่การเสียชีวิตของผู้โดยสาร 1 คน และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก จนนักบินต้องนำเครื่องไปลงจอดฉุกเฉินที่สนามบินสุวรรณภูมินั้น ทำให้คำว่า ‘หลุมอากาศ’ กลายเป็นคำค้นยอดนิยมและอยู่ในความสนใจของคนจำนวนมาก เกิดคำถามว่า หลุมอากาศอันตรายแค่ไหน หลีกเลี่ยงหรือสามารถป้องกันได้หรือไม่ ซึ่งบทความนี้จะมาทำความเข้าใจกับหลุมอากาศให้มากขึ้น
เกิดอะไรขึ้น
ขณะบินอยู่ที่ความสูง 37,000 ฟุต เหนือน่านฟ้าเมียนมา บริเวณพื้นที่ปากแม่น้ำอิรวดีระหว่างเมืองพะสิมกับย่างกุ้ง เมื่อเวลา 14.49 น. ตามเวลาประเทศไทย เครื่องบินเจอกับสภาพอากาศแปรปรวนอย่างรุนแรง
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เครื่องบิน ‘ตกหลุมอากาศ’ หากดูตามกราฟจาก FlightRadar24 เครื่องเพิ่มระดับความสูงไปที่ 37,275 ฟุตอย่างทันทีทันใด เมื่อเวลา 14.49.52 น. จากนั้นก็กลับลงมาที่ระดับ 37,000 ฟุตตามเดิม
แต่หากดูข้อมูลจากระบบถ่ายทอดสัญญาณติดตามอากาศยานอัตโนมัติ หรือ ADS-B ของเครื่องขณะเกิดเหตุ จะพบรายละเอียดว่า เครื่องบิน Boeing 777 ลำนี้ประสบกับการเปลี่ยนระดับความสูงในการบินอย่างกะทันหัน 4-5 ครั้ง ในอัตรา +1,700 ฟุตต่อนาที ถึง -1,800 ฟุตต่อนาที ไม่ต่างจากการโดนมือยักษ์จับโยนขึ้นลงในระยะความสูงเป็นร้อยเมตร
เที่ยวบินนี้มีผู้โดยสารจำนวน 211 คน และลูกเรืออีก 18 คน ผลจากการตกหลุมอากาศทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 71 คน และมีชายสัญชาติอังกฤษวัย 73 ปี เสียชีวิต 1 คน นักบินตัดสินใจลดระดับความสูงลงมาบินที่ 31,000 ฟุต หลังจากติดต่อกับภาคพื้นดินแล้ว นักบินก็ได้ลดระดับลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
‘หลุมอากาศ’ คืออะไร
คำว่าหลุมอากาศเป็นคำที่มีเฉพาะในภาษาไทย เป็นการใช้คำที่ฉลาด เพราะทำให้เรานึกภาพออกได้ทันทีว่าเครื่องบินกำลังเจอกับอะไร
แต่ทางสากลจะใช้คำที่ออกไปทางกลางๆ นั่นคือ Turbulence หรือการที่เครื่องบินพบกับกระแสอากาศปั่นป่วนจนทำให้เกิดผลกระทบต่างๆ ตามมา
เครื่องบินอันที่จริงคือก้อนโลหะที่มีน้ำหนักเป็นตันๆ การที่เครื่องบินจะสามารถบินอยู่ได้จะต้องอาศัยการเคลื่อนไหวของอากาศในการหนุนให้ลอยตัว ไม่ต่างจากเรือที่ใช้การหนุนของน้ำ
แต่เมื่อใดที่อากาศโดยรอบเครื่องบินเกิดความปั่นป่วนขึ้นมา ก็ไม่ต่างจากเรือที่แล่นไปบนระลอกคลื่นที่โยนเรือขึ้นลง สำหรับเครื่องบินก็คือการตกหลุมอากาศนั่นเอง
หลุมอากาศมีกี่แบบ เกิดขึ้นได้อย่างไร
หลุมอากาศจะเกิดขึ้นเมื่ออากาศขาดความเสถียร สาเหตุส่วนใหญ่จะมาจากพายุฝนฟ้าคะนอง กระแสลมแปรปรวนเหนือเทือกเขา หรือหากเป็นวันที่อากาศแจ่มใส หลุมอากาศก็มีสาเหตุจากกระแสลมกรด (Jet Stream) ที่พัดผ่านเครื่องบินจากด้านหลัง เราเรียกความปั่นป่วนในวันฟ้าใสนี้ว่า Clear Air Turbulence (CAT)
แยกตามความรุนแรงแล้ว เราอาจแบ่งความปั่นป่วนของอากาศซึ่งเป็นสาเหตุของหลุมอากาศออกตามความรุนแรงได้ 4 แบบ หรือ 4 ขั้น แบบแรกคือแบบเบา เครื่องบินจะสั่นสะเทือนในระยะขึ้นลงไม่เกิน 1 เมตร บางครั้งก็จะไม่รู้สึก บางครั้งก็จะรู้สึกเหมือนรถยนต์วิ่งผ่านถนนขรุขระ
ถัดมาคือแบบปานกลาง เครื่องบินจะสั่นสะเทือนในระยะขึ้นลง 3-6 เมตร ซึ่งจะทำให้ข้าวของหล่น ผู้โดยสารเริ่มนั่งไม่ติดเบาะ จากนั้นคือแบบรุนแรง ในขั้นนี้เครื่องบินจะเหวี่ยงในระยะขึ้นลงอาจถึง 30 เมตร ผู้โดยสารอาจตัวลอยจากเบาะแล้วตกลงกระแทกกับที่นั่ง และสุดท้ายจะเป็นแบบรุนแรงที่สุด ในขั้นนี้หากไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ศีรษะผู้โดยสารจะพุ่งขึ้นไปกระแทกกับของแข็งด้านบนได้ และวัตถุสิ่งของก็จะพังเสียหายกระจายไปทั่ว
ซึ่งแบบสุดท้ายมีโอกาสเกิดขึ้นได้ค่อนข้างยาก แต่กลับมาเกิดกับเครื่องบินของสายการบิน Singapore Airlines ลำนี้ ซึ่งในขั้นนี้เครื่องบินจะเสียการควบคุมและจะถูกเหวี่ยงขึ้นลงในเกิน 30 เมตร ขึ้นไปจนถึงระยะเป็นร้อยเมตร ผู้โดยสารจะบาดเจ็บสาหัสหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
สิ่งที่เกิดกับ SQ321
ภาพ: Elmurod Usubaliev / Anadolu via Getty Images
ตามการวิเคราะห์สภาพอากาศของ CNN ในเบื้องต้นพบว่า เครื่องบินลำนี้น่าจะประสบกับอากาศปั่นป่วนจากพายุฝนฟ้าคะนองที่กำลังก่อตัวขึ้นบริเวณทางตอนใต้ของเมียนมาช่วงบ่ายของวันที่เกิดเหตุ (21 พฤษภาคม) การก่อตัวของพายุในรูปแบบนี้บางครั้งจะไม่ปรากฏให้เห็นบนเรดาร์โดยเฉพาะในช่วงแรกสุด เมฆพายุอาจเติบโตจากความสูงยอดเมฆระดับ 20,000-30,000 ฟุตไปจนเกิน 50,000 ฟุตในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาที่เครื่องบินมาถึงพอดี ตามคำชี้แจงของสายการบินที่บอกว่าเครื่องบินพบความปั่นป่วนอย่างรุนแรงขณะบินอยู่เหนือลุ่มน้ำอิรวดี
เราป้องกันตัวเองจากการตกหลุมอากาศได้ไหม
การตกหลุมอากาศเกิดขึ้นได้แม้เป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสไม่มีวี่แววว่าจะเกิดพายุ เราจึงควรลดการเดินไปเดินมาตามทางเดินให้น้อยที่สุด นั่งประจำที่และคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ตลอดเวลา แม้จะเป็นช่วงที่เครื่องบินเดินทางอย่างราบรื่นนุ่มนวลก็ตาม หรือหากเราลุกเดินจากที่นั่งด้วยเหตุจำเป็น แต่เมื่อปรากฏไฟและเสียงสัญญาณเตือนให้คาดเข็มขัดดังขึ้น ก็ให้รีบกลับมานั่งประจำที่และคาดเข็มขัดนิรภัยทันที
หลุมอากาศเกิดที่ไหนบ่อยที่สุด
สำหรับการเกิดอากาศปั่นป่วนนั้น อันที่จริงสามารถเกิดขึ้นแทบทุกเส้นทางการบิน โดยเฉพาะเส้นทางการบินที่ผ่านเขตร้อนบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร แต่หากนับรวมอากาศปั่นป่วนทุกชนิด ซึ่งหมายถึงชนิดที่เกิดตามเทือกเขาและเกิดในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสด้วยนั้น จากการวิเคราะห์เส้นทางการบินที่แตกต่างกันประมาณ 150,000 เส้นทาง โดยเว็บไซต์พยากรณ์ความปั่นป่วน Turbli.com พบว่าเส้นทางบินระหว่างซันติอาโก ชิลี และสนามบินนานาชาติวิรู วิรู ในโบลิเวีย เป็นจุดที่มีโอกาสพบหลุมอากาศมากที่สุด ในขณะที่เส้นทางระหว่างอัลมาตี คาซัคสถาน และบิชเคก เมืองหลวงของคีร์กีซสถาน จากการเผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว อยู่ในอันดับที่ 2 ในรายการ
มีแนวโน้มเกิดหลุมอากาศบ่อยขึ้นไหม?
ทุกปีมีเครื่องบินราว 65,000 ลำทั่วโลกต้องพบกับความปั่นป่วนของอากาศ แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นแบบไม่รุนแรง อย่างไรก็ตามงานวิจัยในปี 2022 พบว่า วิกฤตโลกร้อนจะไปเร่งให้เกิดความปั่นป่วนของอากาศที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงปี 2050-2080 และส่วนที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะเป็นความปั่นป่วนในขั้นรุนแรงเสียด้วย
ภาพ: REUTERS / Athit Perawongmetha
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2024/05/21/world/singapore-airlines-turbulence-bangkok/index.html
- https://edition.cnn.com/travel/how-air-turbulence-creates-danger-in-the-skies/index.html
- https://www.nst.com.my/world/world/2024/05/1053846/what-flight-turbulence-and-why-does-it-happen
- https://www.flightradar24.com/blog/1-dead-dozens-injured-in-sq321-turbulence/
- https://www.abc.net.au/news/2024-05-22/the-link-between-climate-change-and-turbulence/103877522
- https://www.facebook.com/singaporeair/posts/pfbid02FCNEhVcL8V25vTVbzKepuBfYZcX4XBw9frvqX65KUMsxrEMnLDRMRXqoy8JMEFJdl