Mazars บริษัทตรวจสอบบัญชีสัญชาติฝรั่งเศส ได้รับความสนใจในแวดวงคริปโตเป็นอย่างมาก หลังประกาศรับทำ Proof of Reserve (PoR) ให้ Binance แพลตฟอร์มเทรดคริปโตเบอร์หนึ่งของโลก รวมไปถึงบริษัทอย่าง Crypto.com และ Kucoin ก่อนที่จะออกตัวในวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ธันวาคม) ว่ายุติการตรวจสอบบัญชีที่เกี่ยวกับการทำ PoR เนื่องจากประเด็นความกังวลว่าอาจทำให้นักลงทุนสับสนได้
Mazars คือใคร?
Mazars คือบริษัทตรวจสอบบัญชีสัญชาติฝรั่งเศส ผู้ให้บริการด้านการเงินแบบครบวงจรในกว่า 90 ประเทศ ที่มีบริการประกอบด้วยงานด้านการตรวจสอบ (49%) งานด้านภาษี (16%) และงานรับจ้างเฉพาะทาง (16%) โดยในปี 2021 Mazars รายงานผลประกอบการว่ามีรายได้กว่า 2.22 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 7.77 หมื่นล้านบาท)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum และทิศทางในอนาคตของเหรียญ ETH
- สรุปการล่มสลายของ FTX ที่อาจจุดชนวนวิกฤตในตลาดคริปโต
- ไมเคิล เบอร์รี เตือนการล่มสลายครั้งประวัติศาสตร์กำลังจะเกิดขึ้น โดยมีต้นตอจากตลาดคริปโต
Mazars ให้บริการออกรายงาน PoR แก่ลูกค้าที่เป็นบริษัทด้านคริปโต โดยทำหน้าที่ออกรายงานเพื่อยืนยันว่าบริษัทคริปโตมีสินทรัพย์เพียงพอที่จะคืนให้แก่ลูกค้าเมื่อมีธุรกรรมการถอนเงินเกิดขึ้น ซึ่ง PoR นั้นเป็นที่พูดถึงอย่างมากหลังเกิดประเด็นที่ FTX ล้มละลาย และปิดการถอนเงินของลูกค้า
ทาง Binance ก็ได้ใช้บริการกับ Mazars ในการออกรายงาน PoR ว่ามีสัดส่วนเงินสำรอง Bitcoin ที่ 101% (ซึ่งได้ยุติไปในวันศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว) ในขณะที่ Crypto.com ก็ได้โพสต์รายงาน PoR จาก Mazars ในหน้าเว็บไซต์ของตนเองเช่นกัน
ทั้งนี้ Mazars ก็ได้ย้ำข้อความว่า รายงาน PoR นั้นไม่ใช่การตรวจสอบทางการเงิน เป็นเพียงแต่รายงานเท่านั้น และทางบริษัทก็ไม่ได้มีข้อสรุปหรือข้อยืนยันต่อการตรวจสอบทางการเงินของบริษัทนั้นๆ ว่ามีความมั่นคงหรือไม่ ก่อนจะยุติการออกรายงานดังกล่าวในภายหลัง
Mazars สำคัญอย่างไรต่อแพลตฟอร์มคริปโต?
แต่เดิม การที่แพลตฟอร์มเทรดคริปโตได้ทำ PoR นั้นทำให้คนทั่วไปเข้าใจว่าทุกสินทรัพย์ที่ลูกค้านำมาฝากจะมีเงินสำรองวางค้ำประกันแบบ 1:1 แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่เป็นเช่นนั้น และมีเพียงไม่กี่แพลตฟอร์มเท่านั้นที่จะทำเช่นนั้น
โดยบางแพลตฟอร์มอาจมีการดึงเงินของลูกค้าไปใช้ได้ รวมกับเงินของบริษัท ตลอดจนการถือสินทรัพย์ในรูปคริปโตหลายสกุลนอกเหนือจากเพียงแค่เงินดอลลาร์ ทำให้การตรวจสอบบัญชีเป็นเรื่องยากมากเลยทีเดียว
กล่าวโดยสรุปแล้ว การจะทำ PoR นั้นจะมีประโยชน์น้อยมากหากปราศจากการทำ Proof of Liability (PoL) ควบคู่ไปด้วย เนื่องจากการทำ PoR ไม่ได้มีการประเมินความเสี่ยงหากบริษัทได้มีการกู้ยืมเงินในรูปคริปโตมาแล้วมีการค้ำประกันด้วยคริปโต หากวันใดวันหนึ่งสินทรัพย์ที่นำไปค้ำเกิดปรับตัวจนต้องบังคับชำระบัญชี สินทรัพย์ของบริษัทก็อาจหายไปได้ในทันที
ทำไม Mazars ถึงยุติบริการออกรายงาน PoR?
ทาง Yahoo Finance ได้เผยถึงเหตุผลเบื้องหลังการยุติการออกรายงานดังกล่าวของ Mazars ว่าทางบริษัทตรวจสอบบัญชีดังกล่าวมีความกังวลว่าสาธารณะอาจตีความต่อรายงานที่ทางบริษัทออกให้ ไปในทางที่ผิด เนื่องจากรายงาน PoR นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบใดๆ ทางบัญชี หรือการลงความเห็นจากนักบัญชีแต่อย่างใด
โดยใจความหนึ่งที่ทาง Mazars สื่อความกับ Yahoo Finance คือ “PoR จะดำเนินการตามมาตรฐานการรายงานที่เกี่ยวข้องกับรายงานกระบวนการที่ตกลงกันไว้เท่านั้น สิ่งเหล่านี้ไม่ถือเป็นการให้ความเชื่อมั่นหรือความเห็นของผู้สอบบัญชีในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง แต่จะรายงานข้อค้นพบที่จำกัดตามขั้นตอนที่ตกลงร่วมกัน”
กล่าวได้ว่าการจะทำงานด้านการตรวจสอบบัญชีให้กับบริษัทด้านคริปโตจริงๆ ถือได้ว่าเป็นความเสี่ยงค่อนข้างสูงที่อาจสร้างผลกระทบทางด้านชื่อเสียงของบริษัทตรวจสอบทางบัญชีในอนาคตหากเกิดความผิดพลาดได้ ดังที่เห็นได้ในหลายบริษัทคริปโตที่กล่าวอ้างถึงความโปร่งใส แต่ในท้ายที่สุดก็เหลือเพียงไม่กี่บริษัทที่ยังคงอยู่
ซึ่งทาง Mazars ต้องการที่จะลดความเสี่ยงให้กับบริษัทตัวเอง ภายหลังจากที่ทางทีมงานได้มีการประเมินว่ามีความรู้ความเข้าใจในโลกคริปโตเพียงเล็กน้อย และยังอยู่ในระดับที่ไม่เพียงพอต่อการตรวจสอบบัญชีของบริษัทคริปโต
จะไม่มีการทำ PoR ในแพลตฟอร์มคริปโตแล้วใช่หรือไม่?
แม้ Mazars จะยุติการทำ PoR แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีบริษัทตรวจสอบบัญชีดั้งเดิมที่จะสามารถตรวจสอบบริษัทคริปโตได้ ยกตัวอย่าง Coinbase ซึ่งเป็นบริษัทเทรดคริปโตที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ก็ยังได้รับการตรวจสอบโดย Deloitte เช่นกัน ซึ่ง Deloitte ก็มีเกณฑ์ในการเลือกรับงานในบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่ยังไม่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น และกว่าจะถูกอนุมัติให้ทำงานที่มีความเสี่ยงก็ถูกตรวจสอบอยู่หลายขั้นตอน
ในทางกลับกัน บริษัทตรวจสอบบัญชีอย่าง Grant Thornton และ BDO Milan (ผู้ตรวจสอบบัญชีให้ Tether) ก็มีการเข้าไปตรวจสอบในบริษัทด้านคริปโตหลังจากมองเห็นโอกาสในตลาดเฉพาะกลุ่มอย่างคริปโต
ท้ายที่สุด การพังทลายของ FTX ก็ยังน่าจะนำไปสู่การเรียกร้องความเชื่อมั่นของลูกค้าไปยังแพลตฟอร์มอื่นๆ ในคริปโตอยู่เช่นเดิม ซึ่งในวันหนึ่ง Big 4 ของบริษัทตรวจสอบบัญชีก็อาจเข้ามาเติมเต็มช่องว่างดังกล่าวก็เป็นได้
อ้างอิง: