ในชีวิตของทุกคนต้องพบเจอกับคำถามสำคัญในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเสมอ ไม่ว่าจะเป็น เราอยู่ไปเพื่ออะไร เรากำลังทำอะไรอยู่ ความสุขที่แท้จริงคืออะไร แต่สำหรับแฟนบอลอาร์เซนอลแล้ว วันนี้คำถามได้เปลี่ยนจาก ‘อาร์เซน เวนเกอร์ควรจะอยู่หรือไป?’ เป็น ‘เมื่อไรจะไปสักที?’
อาร์เซนอลกับอาร์เซน เวนเกอร์ กุนซือชาวฝรั่งเศสที่อยู่กับทีมมาเป็นเวลานานกว่า 20 ปี ประสบความสำเร็จด้วยการสร้างทีมที่มีชื่อว่า The Invincibles ในฤดูกาล 2003-2004 ด้วยการไม่แพ้ใครในพรีเมียร์ลีกติดต่อกันถึง 38 เกม และคว้าแชมป์ 2 รายการทั้งพรีเมียร์ลีกและเอฟเอคัพในปีฤดูกาลเดียวกันถึง 2 ครั้งในปี 1997-1998 และ 2001-2002 รวมถึงเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกับบาร์เซโลนาในปี 2006 แต่ความสำเร็จทั้งหมดนั้นต้องย้อนเวลาไปกว่า 10 ปี ซึ่งทำให้หลายคนเริ่มหมดความอดทนและเริ่มเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างจริงจัง
ทว่านี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาร์เซนอลกับเวนเกอร์ประสบปัญหา แต่ที่ผ่านมา เมื่อใดก็ตามที่ป้าย ‘เวนเกอร์ เอาต์’ ขึ้นมาในหมู่แฟนบอล สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เวนเกอร์จะได้รับสัญญาฉบับใหม่อย่างน้อย 2-3 ปี
แต่ทุกอย่างนั้นกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อเกมพรีเมียร์ลีกนัดล่าสุด อาร์เซนอลบุกไปพ่ายบอร์นมัธ 2-1 และขณะนี้อยู่ในอันดับที่ 6 ของตารางพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ตามหลังจ่าฝูงแมนเชสเตอร์ ซิตี้อยู่ถึง 23 คะแนน ทำให้หลายฝ่ายหมดความอดทนอย่างจริงจังกับกุนซือวัย 68 ปีคนนี้
4 เหตุผลที่เวนเกอร์ควรจะหมดสิทธิไปต่อกับอาร์เซนอล
หากถามแฟนพันธ์ุแท้อาร์เซนอล เราอาจจะได้เห็นคำตอบพร้อมกับหน้าตาที่หงุดหงิดว่า ยังไงก็มากกว่า 4 เหตุผลแน่นอน แต่เหตุการณ์ที่เราจะนำมาเล่านี้เป็นมุมมองที่สื่อต่างประเทศถึงกับยกฉายา ‘เจมส์ บอนด์’ แห่งวงการฟุตบอลให้กับเวนเกอร์ เพราะไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายขนาดไหน คนที่รอดออกมาได้มักจะเป็นผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสคนนี้
1. แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 8-2 อาร์เซนอล
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2011 เมื่ออาร์เซนอลลงสนามพบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคสมัยของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งเกมนั้นเวนเกอร์ส่งผู้เล่นเยาวชนลงสนาม โดยผลปรากฏว่า เกมนั้นพวกเขาพ่ายให้กับแมนยูฯ ไปถึง 8-2 ลูก ซึ่งหลังจบเกมนั้น หลายคนเชื่อว่าสภาพจิตใจของนักเตะบางคนในทีมถูกทำลายจนไม่สามารถเรียกความมั่นใจกลับมาได้อีกเลย
2. มากกว่า 10 ปีที่ไม่มีโอกาสลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก
แม้ว่าในปี 2016 อาร์เซนอลจะสามารถคว้ารองแชมป์มาครองได้สำเร็จในฤดูกาล 2015-2016 แต่ในช่วงเวลากว่า 13 ปีที่ผ่านมา อาร์เซนอลไม่สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ท้าชิงแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกหลังจากผ่านช่วงปีใหม่
ทุกฤดูกาลของอาร์เซนอลจะเริ่มต้นด้วยความย่ำแย่ ก่อนจะตัดสินใจซื้อตัวนักเตะแบบนาทีสุดท้าย หลังจากนั้นจะเริ่มโชว์ฟอร์มที่ดีขึ้น และสามารถเก็บชัยชนะเหนือทีมใหญ่ได้ และสร้างความมั่นใจให้กับแฟนบอลได้สำเร็จ
ก่อนที่ทั้งหมดนั้นจะพังทลายลงในช่วงคริสต์มาส และหมดลุ้นแชมป์อย่างเป็นทางการหลังเดือนกุมภาพันธ์
3. แพ้ให้กับเชลซีในปี 2014 ถึง 6-0
ในเกมที่ 1,000 ของอาร์เซน เวนเกอร์กับสโมสรควรจะเต็มไปด้วยความยินดีและเชิดชูเกียรติยศให้กับกุนซือที่ครั้งหนึ่งเคยนำพาทีมสู่ความสำเร็จ แต่สุดท้ายในเกมนั้น อาร์เซนอลแพ้ตั้งแต่ก่อนลงสนามพบกับเชลซี
อาร์เซนอลโดนยิงก่อน 2 ประตูหลังเวลาผ่านไปเพียง 7 นาที ก่อนที่คีแรน กิบส์ จะโดนใบแดงไล่ออกจากสนาม และถูกโมฮัมเหม็ด ซาลาห์ยิงประตูปิดกล่องที่ 6-0
แมตช์นั้นกลายเกมแรกที่เชลซีสามารถยิงประตูอาร์เซนอลได้มากที่สุด
เชลซีจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 3 และ อาร์เซน เวนเกอร์พาอาร์เซนอลจบในอันดับที่ 4 ได้สัญญาฉบับใหม่เป็นเวลา 3 ปี
4. การปล่อยตัวนักเตะหลัก
เป็นอีกหนึ่งสถานการณ์ที่เวนเกอร์ สามารถเอาตัวรอดมาได้ตลอด โดยหากไล่เรียงรายชื่อนักเตะที่อยู่คู่สโมสรมาเป็นเวลานานหรือเป็นฮีโร่ในแต่ละโอกาสอย่าง เทียร์รี อองรี ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศส กับ เชสก์ ฟาเบรกัส ที่สุดท้ายย้ายไปร่วมทีมบาร์เซโลนา
หรือแม้กระทั่งการเสียนักเตะอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี ให้กับคู่แข่งคนสำคัญอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2012 จนฤดูกาลต่อมาฟาน เพอร์ซี ก็สามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้กับปีศาจแดง ซึ่งนับเป็นแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ของทีม
ยังไม่นับรวม อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชม เบอร์ลิน อดีตปีกความเร็วสูงของอาร์เซนอลที่ย้ายไปร่วมทีมลิเวอร์พูล เมื่อต้นฤดูกาล 2017-2018 ที่ผ่านมา และล่าสุดโชว์ฟอร์มเยี่ยมกับต้นสังกัดใหม่ที่ล้มยักษ์เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และยัดเยียดความพ่ายแพ้นัดแรกของฤดูกาลให้กับลูกทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอลา
แม้ว่าหลังจากที่อาร์เซนอลได้เสียนักเตะอย่าง โรบิน ฟาน เพอร์ซี ให้กับคู่แข่ง เวนเกอร์เคยลั่นวาจาสัญญาไว้ว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่สุดท้ายในช่วงเปิดตลาดซื้อขายนักเตะกลางฤดูกาลนี้ แวงเกอร์ก็กำลังจะเสียนักเตะหลักของทีมถึง 2 คน ทั้งอเล็กซิส ซานเชซ และเมซุต โอซิล ที่เป็นที่พูดถึงในตลาดซื้อขาย เสมือนว่าทั้งคู่หมดสถานะการเป็นนักเตะของอาร์เซนอลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ที่ผ่านมานั้นเราไม่ได้จะบอกว่า อาร์เซน เวนเกอร์ไม่มีเหตุผลที่ควรอยู่กับทีมต่อไปโดยไม่มีผลงานอะไรที่เหมาะสมเลย เพราะหากพูดถึงการรักษามาตรฐานของทีม เวนเกอร์สามารถทำทีมจบอันดับสูงกว่า 4 ได้ตลอดการคุมทีมที่ผ่านมา มีแค่เพียงฤดูกาล 2016-2017 เท่านั้นที่จบในอันดับที่ 5 และอดไปแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
การตัดสินใจครั้งนี้ดูเหมือนกับว่าจะขึ้นอยู่กับแฟนบอลว่ามีความเชื่อมั่นขนาดไหนว่าเวนเกอร์จะสามารถหาทางพาทีมกลับสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้งหรือไม่ แต่หากตัดสินใจที่จะเปลี่ยนโค้ชก็อาจจะต้องรับให้ได้ว่าความสม่ำเสมอของทีมที่ผ่านมาอาจจะหายไป แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการตัดสินใจที่จะก้าวเดินไปสู่สิ่งใหม่ๆ ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตาม
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องได้ที่
Photo: AFP
อ้างอิง: