×

‘วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง’ เดินหน้าสยายปีกธุรกิจ จับตาดูการเติบโตแบบก้าวกระโดดทั้งแนวดิ่งและแนวกว้าง [PR NEWS]

21.10.2022
  • LOADING...
วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง

วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง ผู้ผลิตพลังงานสะอาดรายใหญ่ของประเทศไทย เดินหน้าขยายธุรกิจรับเมกะเทรนด์ด้านพลังงานหมุนเวียน จ่อเข้าประมูลงานเพิ่มในช่วงปลายปี เพื่อผลักดันรายได้ 3 ปีแตะ 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นกู้มูลค่าไม่เกิน 2 พันล้านบาท เพื่อนำเงินไปสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดทั้งแนวดิ่ง (Organic Growth) และแนวกว้าง (Inorganic Growth)

 

บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH เป็นที่รู้จักในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนเป็นอย่างดี ในฐานะผู้นำด้านพลังงานลมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยทุนจดทะเบียน 1.088 พันล้านบาท

 

WEH ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลมในโคราชและชัยภูมิ โดยผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ หรือ กฟผ. เป็นหลัก ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตติดตั้งและบริหารจัดการโรงไฟฟ้ารวม 717 เมกะวัตต์ (MW) แบ่งเป็น 8 โครงการ ประกอบด้วย

 

  1. โรงไฟฟ้าพลังงานลม FKW กำลังผลิต 103.5 MW เริ่มผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ปี 2555
  2. โรงไฟฟ้าพลังงานลม KR2 กำลังผลิต 103.5 MW เริ่ม COD ปี 2556
  3. โรงไฟฟ้าพลังงานลม WTB กำลังผลิต 60 MW เริ่ม COD ปี 2559
  4. โรงไฟฟ้าพลังงานลม T1 กำลังผลิต 90 MW เริ่ม COD ปี 2561
  5. โรงไฟฟ้าพลังงานลม T2 กำลังผลิต 90 MW เริ่ม COD ปี 2561
  6. โรงไฟฟ้าพลังงานลม T3 กำลังผลิต 90 MW เริ่ม COD ปี 2561
  7. โรงไฟฟ้าพลังงานลม NKS กำลังผลิต 90 MW เริ่ม COD ปี 2561
  8. โรงไฟฟ้าพลังงานลม T4 กำลังผลิต 90 MW เริ่ม COD ไตรมาส 1/62

 

โดยทั้ง 8 โครงการนี้ครองสัดส่วนมากกว่า 42% ของโควตาการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในประเทศ และได้ผลิตไฟฟ้าพลังงานลมเข้าระบบแล้วถึง 1,800 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ต่อปี

 

พลังงานลมถือเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนได้เป็นอย่างมาก ซึ่ง WEH สามารถบริหารจัดการกักเก็บและสร้างรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตได้

 

มุ่งขยายกำลังการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มแก่องค์กรและ Stakeholder 

ปัจจุบัน WEH กำลังเตรียมความพร้อมยื่นเสนอขายไฟฟ้าพลังงานลม 9 โครงการ กำลังการผลิต 810 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ 2 โครงการ กำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ โดย WEH ประเมินว่า ในช่วงปลายปี 2565 จะมีโครงการเปิดให้ยื่นประมูลคิดเป็นมูลค่าประมาณ 5 หมื่นล้านบาท

 

WEH มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 WEH มีรายได้รวม 9,972 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 10,985 ล้านบาท ในปี 2564 ขณะที่ความสามารถการทำกำไรเฉลี่ยอยู่ที่ 40-50% และ WEH ได้จ่ายปันผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในปี 2564 ทุกไตรมาสรวม 30.50 บาทต่อหุ้น

 

ส่วนผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกปี 2565 WEH มีรายได้รวม 5.1 พันล้านบาท โดยรายได้จากการขายไฟฟ้าลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณลมลดลงจากปีที่แล้ว ส่วนรายได้อื่นสูงกว่าปีที่แล้วมาจากกำไรจากเงินลงทุนในระยะสั้นที่ยังไม่รับรู้ 470 ล้านบาท ส่วนในด้านค่าใช้จ่ายต่างๆ นั้นลดลง 110 ล้านบาท หรือ 13% และสามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ถึง 4.9 พันล้านบาท

 

ปักธงปั้นรายได้ 3 ปี ทะยานสู่ 1.5 หมื่นล้านบาท

สำหรับแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังปี 2565 WEH คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ของทุกปีที่เป็นไฮซีซันของธุรกิจ ขณะเดียวกัน WEH ยังได้อานิสงส์จากราคาค่าไฟของปี 2565 ที่ปรับสูงขึ้นจากค่า Ft ที่ประกาศจาก EGAT สูงขึ้นประมาณ 6% จากปีก่อน

 

และในปี 2565 WEH ตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ที่ 5-7% หรือคิดเป็นรายได้ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท และในระยะ 2-3 ปี WEH วางเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท

 

รุกธุรกิจใหม่ เสริมพอร์ตรายได้ในอนาคต

นอกจากนี้ WEH ยังมีแผนขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม ได้แก่ ด้านสุขภาพและความงาม โดยล่าสุด WEH ได้เข้าไปลงทุนใน บมจ.ณุศาศิริ หรือ NUSA โดยลงทุนผ่านบริษัท ธนา พาวเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ WEH

 

รวมถึงได้ศึกษาธุรกิจอื่นๆ ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศ เช่น เวียดนาม ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงยุโรปตะวันออก

 

โดย WEH เตรียมออกหุ้นกู้ระยะยาวชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 6.75% ต่อปี เสนอขายไม่เกิน 2 พันล้านบาท ให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลงทุนศึกษาความพร้อมการขยายแผนธุรกิจพลังงานและลงทุนในธุรกิจอื่นๆ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน

 

สำหรับแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ณ ปัจจุบัน ยังเป็นแผนที่อยู่ในการดำเนินธุรกิจของ WEH โดยบริษัทมีโครงสร้างองค์กรเพื่อรองรับการเข้าจดทะเบียนอยู่แล้วเกือบ 100% อย่างไรก็ตาม WEH มองว่าปัจจุบันยังไม่ใช่จังหวะที่เหมาะสม เนื่องจากโครงการของบริษัทได้ดำเนินการมาหลายปีแล้ว โดย WEH ประเมินว่า หากได้โครงการใหม่ๆ และสามารถ COD ได้ใน 2-3 ปีข้างหน้า จึงจะนำแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาพิจารณาอีกครั้ง

 

วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising