กองทุน TESG ขายทันแน่ปีนี้ ก.ล.ต. จ่อเคาะเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเสร็จทั้งหมดก่อนชงเข้า ครม. ระบุไม่มีผลย้อนหลังกับกองทุนที่ลงทุนหุ้น ESG ก่อนเกณฑ์ออก ไม่สามารถลดหย่อนภาษีได้
พรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH ว่ากระทรวงการคลัง, สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และกรมสรรพากร ได้มีโอกาสหารือกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thailand ESG Fund: TESG) โดยเตรียมส่งเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้า คือในวันที่ 21 พฤศจิกายน เพื่อให้ทันใช้ในปี 2566
ในส่วนของสำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างร่างเกณฑ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการออกและเสนอขายกองทุน TESG ซึ่งคาดว่าเกณฑ์ทั้งหมดจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ออกมาภายในวันที่ 20 พฤศจิกายน เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ครม. ให้พิจารณาในวันที่ 21 พฤศจิกายน เพื่อเป็นการสนับสนุนและพัฒนาตลาดทุนไทยให้ดี ซึ่งหากเกณฑ์ TESG ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุม ครม. แล้วบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ก็จะสามารถยื่นขออนุญาตออกและเสนอขายหน่วยลงทุนได้ทันทีในปีปฏิทินนี้ สามารถนำมาใช้ลดหย่อนปีภาษีนี้ได้ทันที
“แต่เกณฑ์ใหม่ของกองทุน TESG ที่จะออกมาขายนี้จะไม่มีผลย้อนหลังกับผู้ลงทุนที่ซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนที่ลงทุนในหุ้น ESG ไปแล้วก่อนที่เกณฑ์นี้จะออกมา”
ทั้งนี้ จากข้อมูลของกระทรวงการคลัง ระบุว่า ปัจจุบันกรมสรรพากรให้สิทธิลดหย่อนภาษีจากการส่งเงินจ่ายกองทุนต่างๆ เช่น กองทุนรวมเพื่อการออม (Super Savings Fund: SSF), กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (Long Term Equity Fund: LTF), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และกองทุนการออมแห่งชาติ ไม่เกิน 500,000 บาท
โดยล่าสุดกรมสรรพากรจะให้วงเงินเพิ่มอีก 100,000 บาท รวมเป็น 600,000 บาท ผ่านการซื้อกองทุนที่เรียกว่า ‘กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน’ (Thailand ESG Fund: TESG)
สำหรับกติกาการลงทุนในกองทุน TESG จะต้องเป็นการลงทุนระยะยาว 8 ปีเต็ม นับวันจากวันที่ซื้อ ไม่ใช่ 8 ปีปฏิทิน