ใกล้ช่วงหยุดยาว เทศกาลปลายปีแบบนี้ หลายคนคงเริ่มวางแพลนออกเดินทางไปเที่ยวกันแล้วแน่นอน แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิดที่ยังไม่ทุเลา บวกกับมาตรการคัดกรองคนเข้าประเทศของประเทศท่องเที่ยวปลายทาง จึงทำให้เกิดข้อจำกัดจำนวนมากที่คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่สามารถเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศได้ จึงกลายเป็นโอกาสที่ทำให้เราได้เปิดโลกความสวยงาม สัมผัสประสบการณ์สุดล้ำค่าของการท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น
เมื่อเข้าสู่ช่วง High Season ของการท่องเที่ยวอีกครั้ง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงได้นำโครงการ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ กลับมาสานต่ออีกครั้งในเฟสที่ 3 เพื่อช่วยให้คนไทยได้ท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ในประเทศได้อย่างสบายใจ ไม่ระคายกระเป๋าสตางค์ ขณะเดียวกันก็ยังช่วยให้บรรดาผู้ประกอบการกิจการการท่องเที่ยวท้องถิ่นตามจังหวัดต่างๆ ได้รับโอกาสในการเพิ่มลูกค้าและรายได้ ทดแทนการขาดหายไปของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
แต่ก่อนจะจองตั๋วเครื่องบิน กดบุ๊กโรงแรม/รีสอร์ต/ที่พัก และไปทานอาหารรสเลิศราคาประหยัด สแกนจ่ายผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง เราขอพาคุณไปทำความเข้าใจแบบสรุปรวบยอดอีกครั้งว่าถ้าไม่อยากพลาดเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันในเฟสที่ 3 จะต้องทำอย่างไรบ้าง
ก่อนสมัครเราเที่ยวด้วยกันเฟสที่ 3 มีอะไรบ้างที่คุณต้องรู้?
- ระยะเวลาเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 เริ่มตั้งแต่ 24 กันยายน 2564 – 31 มกราคม 2565
- ประชาชนที่เคยลงทะเบียนโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 1 และ 2 แล้ว ไม่ต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์ใหม่ สามารถใช้สิทธิ์ที่คงเหลือต่อได้
- เริ่มจองโรงแรม/ที่พักได้ตั้งแต่วันที่ 8 ตุลาคม 2564 – 23 มกราคม 2565
- ส่วนประชาชนทั่วไป และผู้ประกอบการที่พัก/ร้านอาหาร ที่ยังไม่เคยลงทะเบียนรับสิทธิ์ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 3 ได้ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2564 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป
สิทธิพิเศษจากเราเที่ยวด้วยกันเฟสที่ 3 ‘พิเศษ’ ตรงไหนบ้าง?
สำหรับการใช้สิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน จะแบ่งออกเป็น 3 สิทธิพิเศษหลักๆ ประกอบด้วย
- สิทธิ์ส่วนลดค่าจองที่พัก
- สิทธิ์ส่วนลดค่าอาหาร และค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว
- สิทธิ์คืนเงินค่าตั๋วเครื่องบิน
เริ่มที่สิทธิ์จองที่พัก ซึ่งจะเหมือนเดิมกับสองเฟสที่ผ่านมาเลยคือ เราจะได้รับสิทธิ์ส่วนลดที่พักสูงสุด 40% จากการสนับสนุนของรัฐฯ หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน แต่ครั้งนี้พิเศษมากขึ้น เพราะให้สิทธิ์การจองคนละไม่เกิน 15 ห้อง หรือ 15 คืน (เมื่อจองที่พักแล้วจะไม่สามารถยกเลิกได้ แต่สามารถเลื่อนวันเข้าพักได้ โดยที่การเลื่อนเข้าพักต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนด)
ตามมาด้วยสิทธิ์ส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว ที่เมื่อเราเช็กอินในโรงแรมหรือที่พักที่จองไว้เสร็จแล้วนั้น รัฐบาลจะสนับสนุนคูปองอาหาร/ท่องเที่ยวมูลค่า 600 บาทต่อห้องต่อคืนวันละ 1 ครั้ง หลังเวลา 17:00 น. ของวันเช็กอิน โดยคูปองจะหมดอายุเวลา 23:59 น. ของวันเช็กเอาต์ที่พัก
ซึ่งคูปองอาหาร/ท่องเที่ยว 600 บาทต่อวันนี้ จะสามารถใช้ได้ที่ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ โดยประชาชนชำระ 60% และรัฐบาลสนับสนุนอีก 40% ผ่านการตัดเงินจากคูปอง (เราจะต้องเติมเงินเข้าวอลเล็ตของแอปพลิเคชันเป๋าตังด้วยตัวเอง)
และสุดท้ายสิทธิ์สนับสนุนค่าเดินทางโดยเครื่องบิน ที่เราจะได้รับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของราคาค่าตั๋วเครื่องบินเต็ม แต่ไม่เกิน 2,000 บาทต่อผู้โดยสาร โดยจะได้รับสิทธิ์เฉพาะผู้ที่จองโรงแรมผ่านโครงการเราเที่ยวด้วยกันเท่านั้น ได้รับสิทธิ์เงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบิน 2 สิทธิ์ผู้โดยสาร ต่อ 1 ห้องโรงแรมที่จอง
กรณีเดินทางไปยังภูเก็ต พังงา กระบี่ สุราษฎร์ธานี สงขลา เชียงใหม่ และเชียงราย จะได้รับสิทธิ์เพิ่มเติม รับเงินสนับสนุนค่าตั๋วเครื่องบินเท่ากับ 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อผู้โดยสาร
ทั้งนี้ เราจะต้องจ่ายเงินค่าตั๋วเต็มจำนวนไปก่อน ณ วันที่จองตั๋วเครื่องบิน และต้องมีการเดินทางในเที่ยวบินนั้นๆ จริง มีการเช็กอินและเช็กเอาต์กับโรงแรมที่จองไว้กับโครงการจริง (วันที่เดินทางไปหรือกลับต้องไม่ห่างจากวันเช็กอินหรือเช็กเอาต์กับโรงแรมที่จองผ่านโครงการไม่เกิน 5 วัน และการเดินทางกลับจากการท่องเที่ยวจะต้องอยู่ภายใน 31 มกราคม 2565)
แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังคงมีเงื่อนไขในการเข้าร่วมโครงการตามเดิม นั่นก็คือ ผู้สมัครเข้าร่วมโครงการจะสามารถท่องเที่ยวและใช้สิทธิ์สนับสนุนได้ทุกจังหวัด ยกเว้นจังหวัดตามทะเบียนบ้านของผู้ใช้สิทธิ์สำหรับประชาชน
เที่ยวไทยทั้งที ได้ทั้งส่วนลดและช่วยเหลือผู้ประกอบการ
จะเห็นว่าสิทธิพิเศษ ทั้งการสนับสนุนค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าเดินทางด้วยตั๋วโดยสารเครื่องบิน ทั้งหมดนี้เป็นความตั้งใจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่อยากร่วมด้วยช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ในช่วงสภาวะวิกฤตเช่นนี้
ขณะที่ประชาชนทั่วๆ ไปอย่างเราในฐานะผู้บริโภค นอกเหนือจากจะได้เที่ยวอย่างปลอดภัย สบายใจ ในโอกาสหยุดยาวปลายปีแบบนี้แล้ว ก็ยังได้รับสิทธิส่วนลดพิเศษต่างๆ เพื่อให้เที่ยวได้อย่างคุ้มค่าและสบายกระเป๋ามากที่สุดไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ทุกฝ่ายได้ประโยชน์สูงสุด