×

เมื่อของดีไซน์สวย ไม่จำเป็นต้องทำร้ายโลก? เบื้องหลังนวัตกรรม ‘Waste to Value’ ฉบับ DECAAR by SCG ที่จับมือยักษ์ใหญ่ ปั้นมิติใหม่วัสดุตกแต่งภายนอกเพื่อโลกที่ยั่งยืน [ADVERTORIAL]

โดย THE STANDARD TEAM
30.04.2025
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

  • DECAAR by SCG พลิกโฉมวงการวัสดุตกแต่งอาคารภายนอกด้วยนวัตกรรมที่เปลี่ยน ‘Waste’ เป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม ผ่านวิสัยทัศน์ ‘Green + Innovation’ ที่มุ่งสร้างสังคม Net Zero อย่างเป็นรูปธรรม ไปพร้อมกับยกระดับการอยู่อาศัยของผู้คนให้ดีขึ้นด้วย โดยผลิตภัณฑ์กว่า 95% ของเป็นสินค้า Green Choice ตามมาตรฐาน ISO 14021 และสามารถตรวจสอบคาร์บอนฟุตพรินต์ได้ โดยการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (TGO)
  • ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจาก ‘Waste’ ยังคงคุณสมบัติด้านความแข็งแกร่งทนทานเทียบเท่าหรือดีกว่าวัสดุแบบดั้งเดิม พร้อมเพิ่มคุณสมบัติพิเศษ เช่น กระเบื้องซีเมนต์ปูพื้นรุ่น ‘คอมฟอร์ท’ ที่ผสมเปลือกไข่ช่วยสะท้อนและระบายความร้อน ตลอดจน ก่อให้เกิดดีไซน์ใหม่ เช่น ผนังตกแต่งรุ่น ‘โมดิน่า คอฟฟ์’ ที่มีสีสันจากกากกาแฟ ทั้งยังทลายกำแพงความคิดที่ว่า ‘ของกรีนต้องแพง’ ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
  • สร้าง ‘Ecosystem’ แห่งความยั่งยืนผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลาย อาทิ ภาครีเทล ร่วมกับ PTT Station และคาเฟ่ อเมซอน นำบรรจุภัณฑ์ฟอยล์ และกากกาแฟมาผลิตเป็นกระเบื้องซีเมนต์ปูพื้นและผนังตกแต่ง, ภาคอสังหาฯร่วมกับแสนสิริ นำเศษกระเบื้องจากหน้างานและเศษแก้วมาทำกระเบื้องซีเมนต์ปูพื้น, ภาคโมเดิร์นเทรดร่วมกับ Home Pro นำเศษกระเบื้องมาสร้างกระเบื้องปูพื้นกรีนคอลเลคชั่น และร่วมกับภาคอุตสาหกรรม CPF สนับสนุนเปลือกไข่ไก่บดอัดมาพัฒนาผลิตภัณฑ์
  • วางเรื่องความยั่งยืนเป็น ‘เกณฑ์หลัก’ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นในอนาคต ควบคู่กับการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของผู้ใช้งาน พร้อมมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการนำ Waste ประเภทต่างๆ มาพัฒนา และเพิ่มสัดส่วนวัสดุรีไซเคิลในผลิตภัณฑ์เดิม โดยมีเป้าหมายให้สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ‘ไม่ต้องจ่ายแพงกว่า’ รวมถึงพัฒนาระบบการติดตั้งที่รองรับสภาวะอากาศรุนแรงจากภาวะโลกร้อน
  • ศึกษาและวิจัย วัสดุตกแต่งที่เป็นวัสดุจากธรรมชาติ ภายใต้แบรนด์  ‘VERDI’ นวัตกรรมไม้จริงคาร์บอนต่ำ (Low Carbon) ผลิตจากไผ่ ที่เป็นวัสดุหมุนเวียนที่มีคุณสมบัติพิเศษในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  สวยงาม ทนทาน สามารถใช้งานได้ในหลายๆ สภาพแวดล้อม

โลกกำลังเผชิญความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมครั้งใหญ่ แต่ท่ามกลางวิกฤตินี้เอง นวัตกรรมได้ถือกำเนิดขึ้น DECAAR by SCG กำลังพลิกโฉมวงการวัสดุตกแต่งภายนอก เมื่อ ‘Waste’ หรือของเสีย ไม่ใช่แค่สิ่งที่ไร้ค่ารอวันกำจัดอีกต่อไป

 

ภายใต้วิสัยทัศน์ ‘Greenovation for Better Living’ อันแน่วแน่ของธุรกิจ SCG Smart Living ที่มุ่งมั่นสร้างสังคม Net Zero ให้เติบโตอย่างยั่งยืน DECAAR คือ ฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายนี้ให้เป็นจริงอย่างเป็นรูปธรรม ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ตกแต่งอาคารภายนอก

 

ด้วยการผสานนวัตกรรม ความมุ่งมั่น และพลังแห่งความร่วมมือ DECAAR กำลังเปลี่ยน ‘Waste’ ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์สุดสร้างสรรค์ สวยงาม ทนทาน ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คน และดูแลโลกใบนี้ไปพร้อมกัน

 

แคทลียา ชัยธนาวิสุทธ์, Outdoor Living Business Manager จาก DECAAR by SCG ฉายภาพจุดยืนนี้ว่า “ความยั่งยืนเป็นเรื่องของทุกคน เราในฐานะหนึ่งในผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างและวัสดุตกแต่ง สามารถช่วยกันลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมได้ โดยเป็นจุดเล็กๆที่เริ่มต้นและก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมในวงกว้างมากขึ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ จนถึงความร่วมมือกันข้ามกลุ่มอุตสาหกรรม ตามวิสัยทัศน์ของ SCG และ Net Zero Roadmap ” นี่คือแรงผลักดันให้ DECAAR ต้อง ‘ลงมือทำ’ อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม

 

 

การดำเนินการเริ่มต้นตั้งแต่รากฐาน คือผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ DECAAR ต้องเป็นสินค้ากรีนด้วยฉลากรับรอง SCG Green Choice ซึ่งเป็นการ Self Declare ตามมาตรฐานสากล ISO 14021 และแสดงค่าคาร์บอนฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์ ทุกชิ้นอย่างโปร่งใส ด้วยการรับรองจากหน่วยงานที่น่าเชื่อถืออย่าง องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ TGO และสถาบันระดับ International อย่าง EPD International

 

ไม่เพียงเท่านั้น DECAAR by SCG ยังมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีอัตราการปล่อย CO2 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมเดียวกัน และลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังหันมาใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ในทุกโรงงานผลิต ซึ่งมีแผนจะขยายการใช้งานให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล

 

จาก ‘Waste’ สู่ ‘Value’: นวัตกรรมเพื่อโลก

 

หัวใจสำคัญที่สร้างความแตกต่างคือ การที่ DECAAR by SCG เป็น ‘รายแรก’ ในกลุ่มวัสดุตกแต่งอาคารภายนอก ที่บุกเบิกเส้นทางใหม่ ด้วยการนำ ‘Waste’ จากหลากหลายแหล่งที่มา ทั้งจากกระบวนการผลิตของตนเองและพันธมิตร มาชุบชีวิตสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุตกแต่งบ้านและอาคาร 

 

กระบวนการนี้เต็มไปด้วยความท้าทาย ตั้งแต่การทำความเข้าใจคุณสมบัติที่แตกต่างกันของ Waste แต่ละชนิด การคัดแยกและเตรียมวัตถุดิบให้พร้อมใช้งาน การออกแบบสูตรผสมที่แม่นยำ ไปจนถึงการควบคุมกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานสูงสุด

 

แคทลียา เน้นย้ำหลักการสำคัญว่า “การมี waste มาเป็นส่วนประกอบช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ แต่ก็มีความท้าทายด้านการบริหารซัพพลายเชนทั้งหมด เพื่อให้สินค้ารักษ์โลกมีราคาที่ไม่แพงจนเข้าถึงไม่ได้  สำคัญที่สุดคือ สินค้าต้องมีคุณสมบัติและการใช้งาน ตามมาตรฐานข้อกำหนด”

 

“ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรง ทนทาน และควรจะให้คุณสมบัติพิเศษอื่นๆ เพิ่มมากขึ้น หรือก่อให้เกิดดีไซน์ใหม่ๆ ขึ้นมา” นี่คือคำมั่นสัญญาที่ DECAAR by SCG มอบให้ ทำให้ผลิตภัณฑ์จาก Waste ไม่ใช่แค่ทางเลือกเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง

 

 

ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการนำ Waste มาใช้ ยังคงคุณสมบัติเด่นด้านความแข็งแกร่งทนทานเทียบเท่า หรือในบางกรณีอาจมีคุณสมบัติดีกว่าวัสดุแบบดั้งเดิมด้วยซ้ำ ตัวอย่างเช่น การพัฒนาที่ทำให้เกิดคุณสมบัติใหม่ๆ อย่างกระเบื้องปูพื้นรุ่น ‘คอมฟอร์ท’ ที่ผสมเปลือกไข่ ผสานเทคโนโลยี HeatSync ทำให้อุณหภูมิที่ผิวกระเบื้องปูพื้นลดลงได้เร็วขึ้น โดยอาศัยหลักการถ่ายเทความร้อน (Heat Transfer) ที่ทำงานประสานกันอย่างเหมาะสม ทั้งการนำความร้อน (Heat Conduction) การพาความร้อน (Heat Convection) และการแผ่รังสีความร้อน (Heat Radiation) 

 

ข้อได้เปรียบเชิงประจักษ์ของผลิตภัณฑ์เหล่านี้คือมิติด้านความยั่งยืน ช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปฝังกลบ ลดมลภาวะที่เกิดจากการกำจัดขยะ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศ ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อน

 

DECAAR by SCG ทลายกำแพงความคิดที่ว่า ‘ของกรีนต้องแพง’ ด้วยการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนเหล่านี้ มี ‘ราคาที่เข้าถึงได้’ เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงได้ง่ายขึ้น

 

‘Ecosystem’ แห่งความยั่งยืน: จับมือพันธมิตร สร้างแรงกระเพื่อมที่ยิ่งใหญ่

 

ความสำเร็จในการสร้างความยั่งยืน ต้องอาศัยพลังความร่วมมือ DECAAR by SCG ไม่ได้มองว่าตนเองเป็นเพียงองค์กรเดี่ยว แต่วางบทบาทเป็นศูนย์กลางของ ‘Ecosystem’ ที่เชื่อมโยงพลังของพันธมิตรทางธุรกิจ ชุมชน และผู้บริโภคที่มีเป้าหมายเดียวกัน

 

แคทลียา กล่าวถึงพลังแห่งความร่วมมือว่า “เรามีพันธมิตรทางธุรกิจที่ดี และมีจุดร่วมคล้ายๆ กัน เรามองว่า DECAAR by SCG ไม่ใช่แค่องค์กร แต่เป็นอีโคซิสเต็มที่จะสามารถจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในเรื่องนี้ได้”

 

 

ความร่วมมือที่เกิดขึ้น ได้แปรเปลี่ยนแนวคิดให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้จริง สร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ:

 

  • DECAAR by SCG x PTT Station และ คาเฟ่ อเมซอน: เปลี่ยนฟอยล์บรรจุภัณฑ์เมล็ดกาแฟ และเศษแก้วจากชุมชน เป็นกระเบื้องซีเมนต์ปูพื้น ดีไซน์เก๋รุ่น Serena Blink ทดลองใช้ในโซนรีเทลที่ปั๊ม PTT พร้อมนำกากกาแฟมาสร้างสรรค์เป็นผนังตกแต่งมีสไตล์รุ่น Modeena Coff ใช้จริงในร้านคาเฟ่ อเมซอน 

 

  • DECAAR by SCG x แสนสิริ: แปรสภาพเศษกระเบื้องหลังคาเหลือใช้จากหน้างานก่อสร้าง และเศษแก้วจากชุมชน ให้กลายเป็นกระเบื้องซีเมนต์ปูพื้นดีไซน์โมเดิร์นรุ่น Ventola Glimmer และผนังตกแต่ง รุ่น Modish-U ตาม mission ของแสนสิริในการเป็น NET-ZERO HOME ช่วยให้โครงการบ้านของแสนสิริมีความยั่งยืนมากขึ้น

 

  • DECAAR by SCG x Home Pro: นำเศษกระเบื้องปูพื้นที่ชำรุดเสียหายจากการขนส่ง มาบดอัดและสร้างสรรค์เป็นกระเบื้องซีเมนต์ปูพื้น รุ่น Stamp Pave และ รุ่น UVT คอลเล็กชันรักษ์โลก DECAAR by SCG x HOME PRO เพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เป็นการทำ closed loop circular อย่างแท้จริง

 

  • DECAAR by SCG x CPF: ด้วยการสนับสนุนเปลือกไข่ไก่บดอัดจาก CPF นำมาสร้างคุณสมบัติใหม่ ภายใต้เทคโนโลยี ‘HeatSync’ ที่ใช้หลักการถ่ายเทความร้อน (Heat Transfer) ที่ทำงานประสานกันอย่างเหมาะสม ทั้งการนำความร้อน (Heat Conduction) การพาความร้อน (Heat Convection) และการแผ่รังสีความร้อน (Heat Radiation) พัฒนาเป็นกระเบื้องปูพื้นรุ่นคอมฟอร์ท ที่ไม่เพียงมีรูปลักษณ์สวยงาม แต่ยังดึงความร้อนออกจากกระเบื้อง ทำให้อุณหภูมิที่ผิวกระเบื้องลดลงได้เร็วขึ้น เพิ่มความสบายให้พื้นที่

 

  • DECAAR by SCG x A49 และ A110: ความร่วมมือกับบริษัทสถาปนิกชั้นนำ นำกระเบื้องปูพื้นที่มีส่วนผสมจากเศษกระจกและแก้วจากชุมชน ไปร่วมจัดแสดงในงานระดับโลกอย่าง Osaka Expo 2025 ในส่วนของ Thailand Pavilion เพื่อแสดงศักยภาพด้านการออกแบบเพื่อความยั่งยืนของไทย

 

โครงการเหล่านี้คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการสร้าง ‘Value’ จาก ‘Waste’ ผ่านพลังแห่งความร่วมมือ ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมที่ส่งผลดีต่อทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจหมุนเวียน

 

เดินหน้าสู่อนาคต: นวัตกรรมที่ไม่หยุดยั้ง และเป้าหมายที่ไกลกว่า

 

สำหรับก้าวต่อไป DECAAR by SCG วางเรื่องความยั่งยืน (Sustainable) เป็น ‘เกณฑ์หลัก’ ในการสร้างสรรค์และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทุกชิ้น ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) ของผู้ใช้งาน

 

 

DECAAR by SCG คาดหวังว่าการริเริ่มเหล่านี้ จะเป็นการ ‘จุดประกายความคิดเล็กๆ’ ที่ทำให้ทั้งผู้บริโภค เจ้าของบ้าน และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้ตระหนักว่า เราทุกคน ‘สามารถเลือกเพื่อโลกของเราได้’ โดยไม่ต้องประนีประนอมกับความสวยงามหรือฟังก์ชันการใช้งาน

 

เป้าหมายคือการสร้างการรับรู้ว่า ความสวยงาม นวัตกรรม และความยั่งยืน สามารถเดินควบคู่กันไปได้อย่างลงตัว และผลักดันให้การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม กลายเป็นหนึ่งใน ‘เกณฑ์สำคัญ’ ของการตัดสินใจเลือกใช้วัสดุตกแต่งอาคารในอนาคต

 

ยิ่งไปกว่านั้น วิสัยทัศน์ของ DECAAR by SCG ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (GREEN) แต่ยังมองไปถึงการสร้าง ‘คุณสมบัติใหม่ๆ’ (Feature) และการส่งมอบ ‘ความปลอดภัย’ ผ่านระบบการติดตั้งวัสดุตกแต่งฟาซาดและระบบรั้ว ที่ถูกพัฒนาให้รองรับสภาวะอากาศที่แปรปรวนและรุนแรงขึ้นจากภาวะโลกร้อน เช่น แรงลมหรือการสั่นไหว เพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุด ลดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้งาน

 

กลุ่มธุรกิจ SCG Smart Living

 

นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจ SCG Smart Living ยังศึกษา วัสดุตกแต่งที่มาจากธรรมชาติ 100% โดยนำเสนอภายใต้แบรนด์ ‘VERDI’ นวัตกรรมไม้จริงคาร์บอนต่ำ (Low Carbon) ผลิตจากไผ่ ซึ่งไผ่เป็นวัสดุหมุนเวียนที่มีคุณสมบัติพิเศษในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อายุการเก็บเกี่ยวน้อย อีกทั้งยังผ่านการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าไม้จริงทั่วไป ทั้งความแข็งแรงทนทาน การต้านทานแมลงและปลวก คงไว้ซึ่งความสวยงามและสัมผัสของไม้จริงแท้ (Authentic Wood Touch) 

 

ทั้งหมดนี้คือความมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านวัสดุตกแต่งภายนอก ที่ส่งเสริมความยั่งยืนอย่างแท้จริงและครบวงจรในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และความปลอดภัยในการใช้งาน

 

เรื่องราวของ DECAAR by SCG ไม่ใช่แค่ความสำเร็จของแบรนด์ แต่คือบทพิสูจน์ว่านวัตกรรม ความกล้าที่จะแตกต่าง และความร่วมมือ สามารถขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไปสู่หนทางที่ยั่งยืนกว่าเดิมได้อย่างแท้จริง

 

นี่คือการจุดประกายความคิดให้ทั้งผู้บริโภค เจ้าของบ้าน และผู้พัฒนาฯ ได้ตระหนักว่า เราทุกคนสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับที่อยู่อาศัย พร้อมๆ กับการร่วมกันดูแลโลกใบนี้ให้สวยงาม น่าอยู่ และยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising