วันพุธที่ผ่านมา (28 สิงหาคม) Berkshire Hathaway (BRK) อาณาจักรการลงทุนภายใต้การบริหารของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ กลายเป็นบริษัทที่ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีบริษัทแรกในสหรัฐฯ ที่มูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 35 ล้านล้านบาท)
หนึ่งในปัจจัยที่ผลักดันมูลค่าของ Berkshire Hathaway เป็นผลมาจากกลุ่มบริษัทที่ถูกเรียกว่า ‘Sogo Shosha’ 5 บริษัทในญี่ปุ่นที่วอร์เรนเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่ช่วงปี 2020 และทยอยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนอย่างต่อเนื่องในปีถัดๆ มา โดยแต่ละบริษัทต่างมีราคาปรับตัวขึ้น ได้แก่
- Mitsubishi Corporation +33.3%
- ITOCHU Corporation +29.8%
- Mitsui & Co. +14.6%
- Marubeni Corporation +10.9%
- Sumitomo Corporation +9%
ทำให้ Berkshire Hathaway ถือครองบริษัทเหล่านี้จนมีสัดส่วนราว 9% ตามรายงานในปี 2023 จากที่ราว 6-7% ในช่วงปี 2022
5 บริษัทยักษ์ใหญ่ที่วอร์เรนเข้าลงทุนมีการดำเนินกิจการอย่างครบวงจรจนครอบคลุมสินค้าและผลิตภัณฑ์ในญี่ปุ่นเกือบทุกชนิด ทำให้มีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งยังมีการซื้อหุ้นในราคาที่เหมาะสมคืนเพื่อเพิ่มผลประโยชน์ให้แก่ผู้ถือหุ้นตามตำรับของวอร์เรนอีกเช่นกัน
และบริษัทเหล่านี้ยังดำเนินการธุรกิจในรูปแบบของ Global Venture Capital และ Private Equity มากขึ้น ทำให้มีความน่าสนใจในการลงทุนสำหรับวอร์เรนมากยิ่งขึ้น
วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (29 สิงหาคม) มูลค่าตามตลาดของ Berkshire Hathaway มีการปรับตัวลงมาเล็กน้อยมาเคลื่อนไหวบริเวณ 9.9 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 34 ล้านล้านบาท) คิดเป็นผลตอบแทน 30.3% นับจากต้นปี (YTD) ในขณะที่ S&P 500 ทำผลตอบแทน 17.24% นับจากต้นปี (YTD)
แต่ถึงอย่างนั้นเอง Berkshire Hathaway ก็ยังมุ่งเน้นการลงทุนในสหรัฐฯ เป็นหลักอยู่เช่นเดิม แม้ระยะหลังจะมีการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นและจีนให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นหุ้นอย่าง BYD ที่ Berkshire Hathaway เข้าไปลงทุนไว้มูลค่าราว 230 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8 พันล้านบาท) ในช่วงปี 2008 ที่สัดส่วนราว 9.9% จนมูลค่าดังกล่าวขึ้นไปหลายพันล้านดอลลาร์ และทำให้วอร์เรนค่อยๆ ทยอยรินขายหุ้นในบริษัทดังกล่าวจนเหลือสัดส่วนเพียง 4.94% เท่านั้น
อ้างอิง:
