หุ้นวอลล์สตรีทปิดบวก ดัชนี S&P500 พุ่งต่อเนื่องวันที่ 6 นักลงทุนเชื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวเร็ว

ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท สหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (1 กรกฎาคม) ปิดบวกต่อเนื่อง โดยดัชนี S&P500 ขยับขึ้น 6 วันติดต่อกัน แรงหนุนจากข่าวดีที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วมากกว่าที่ประเมินกันไว้ก่อนหน้า บวกกับตัวเลขผู้เข้ารับสวัสดิการคนว่างงานลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว

โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 131.02 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 34,633.53 จุด ส่วนดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 22.44 จุด หรือ 0.52% ปิดที่ 4,319.94 จุด และดัชนีแนสแด็กเพิ่มขึ้น 18.42 จุด หรือ 0.13% ปิดที่ 14,522.38 จุด

ทั้งนี้ IMF ได้อัปเดตตัวเลขประมาณการทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัว 7% ในปี 2021 และจะมีการฟื้นตัวอย่างน่าทึ่ง ขณะที่ตัวเลขผู้เข้ารับสวัสดิการคนว่างงานรายใหม่รายสัปดาห์ลดลงเหลือ 364,000 รายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำที่สุดนับตั้งแต่สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 14 มีนาคม ครั้งที่เริ่มต้นล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์ใหม่

ขณะนี้นักลงทุนกำลังรอดูข้อมูลการจ้างงานประจำเดือนมิถุนายนที่จะเผยแพร่ในวันศุกร์นี้ (2 กรกฎาคม) ซึ่งนักวิเคราะห์คาดหมายว่าสหรัฐฯ จะมีการจ้างงานเพิ่มเติม 725,000 ตำแหน่ง และตัวเลขคนว่างงานน่าจะลดลงจาก 5.8% เหลือ 5.7%

ขณะเดียวกันตลาดหุ้นวอลล์สตรีทสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (1 กรกฎาคม) ได้รับความคึกคักจากหุ้น IPO ของ Krispy Kreme ซึ่งเข้ามาเป็นบริษัทจดทะเบียนครั้งที่ 2 หลังพ้นสภาพการเป็นบริษัทจดทะเบียนมากว่า 5 ปี โดยมีรายงานว่าหุ้นของบริษัทเปิดตลาดพุ่งทะยานขึ้น 23% มาแตะระดับ 17 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น แม้จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ในช่วง 21-24 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น แต่ก็สามารถปรับตัวขึ้นไปปิดตลาดที่ 21 ดอลลาร์สหรัฐต่อหุ้น

หุ้นของ Krispy Kreme ที่เริ่มขายในตลาดแนสแด็ก ภายใต้สัญลักษณ์ DNUT เป็นวันแรกเมื่อวานนี้ (1 กรกฎาคม) ตั้งเป้าระดมทุนที่ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าการเสนอขายหุ้น IPO ครั้งใหม่นี้จะช่วยให้ Krispy Kreme สามารถระดมเงินทุนจำนวนมากจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่กำลังคึกคักสุดขีด ขณะที่ความต้องการบริโภคขนมหวานเพิ่มมากขึ้นเพราะประชาชนต้องอยู่ที่บ้าน ยืนยันได้จากรายได้ของ Krispy Kreme ในปี 2020 ที่ผ่านมาที่เพิ่มขึ้นสูง 17% มาอยู่ที่ 1,120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ Krispy Kreme เข้าตลาดเป็นครั้งแรกในปี 2000 ช่วงฟองสบู่ดอทคอม ก่อนที่กระแสรักสุขภาพทำให้รายได้ของบริษัทลดต่ำลง จนในที่สุดต้องขายกิจการทั้งหมดให้กับ JAB Holding Company บริษัทสัญชาติเยอรมนี มูลค่า 1,350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยบริษัทดังกล่าวได้เดินหน้าปรับภาพลักษณ์ของ Krispy Kreme ครั้งใหญ่

ด้านราคาน้ำมันขยับขึ้นราว 2% เมื่อวานนี้ (1 กรกฎาคม) โดยนักลงทุนยังต้องรอลุ้นผลโอเปกพลัส หลังจากเลื่อนการประชุมจากเมื่อวานนี้ (1 กรกฎาคม) มาเป็นวันนี้ (2 กรกฎาคม) โดยหลายฝ่ายคาดว่าโอเปกพลัสอาจเพิ่มกำลังผลิตน้อยกว่าที่คาดหมายไว้ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1.76 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 75.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ด้านน้ำมันดิบเบรนท์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 75.84 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ส่วนราคาทองคำขยับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สองแล้ว โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 5.20 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 1,776.80 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์

นอกจากนี้ เมื่อวานนี้ (1 กรกฎาคม) มีรายงานว่า ผลงานซอสโค้ดเวิลด์ไวด์เว็บ ของ ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี สุดยอดนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวอังกฤษ สามารถประมูลขายออนไลน์ได้ถึง 5.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากราคาเริ่มต้นเปิดประมูลที่ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ โดย Sotheby’s บริษัทนายหน้าจัดงานประมูลเปิดเผยว่า ซอสโค้ดดังกล่าวขายในรูปของ NFT ซึ่งรายได้ทั้งหมดจะบริจาคเข้าการกุศลตามที่ ทิม เบอร์เนอร์ส-ลี ตั้งใจไว้

พิสูจน์อักษร: นัฐฐา สอนกลิ่น

อ้างอิง: