Walking with Dinosaurs คือโชว์ไดโนเสาร์อันดับ 1 ของโลก ที่เปิดการแสดงมาแล้วในมากกว่า 250 เมืองทั่วโลก และถึงตอนนี้มีผู้เข้าชมทั่วโลกมากกว่า 9 ล้านคน! อะไรคือเหตุผลซึ่งทำให้โชว์ที่สร้างมาจากทีวีซีรีส์ของ BBC สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชมทุกเพศทุกวัยทั่วโลกได้ขนาดนี้
THE STANDARD เดินทางไปเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมชมปรากฏการณ์สำคัญ ในระหว่างที่ Walking with Dinosaurs – The Arena Spectacular กำลังจัดการแสดงในช่วงฤดูร้อนนี้ ก่อนที่จะเดินทางมาเปิดการแสดงที่ประเทศไทยในวันที่ 12-15 กันยายน 2562 โดยความร่วมมือระหว่างโกลบอล ครีเชอร์ส และบีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์
บรรยากาศภายในบริเวณโยโกฮาม่า อารีน่า สถานที่จัดการแสดง เต็มไปด้วยความคึกคัก เด็กๆ ที่มาพร้อมครอบครัวแต่งตัวเข้ากับธีมการแสดง เราจะเห็นเสื้อผ้าลวดลายไดโนเสาร์ อุปกรณ์ตกแต่งทั้งสร้อยคอ กระเป๋า ของเล่นต่างๆ รวมไปถึงแท่งไฟที่ดูเหมือนจะเป็นแอ็กเซสซอรีสำคัญประกอบการแสดงไปแล้ว นั่นทำให้ทันทีที่ไฟในฮอลล์ปิดก่อนการแสดงจะเริ่ม เราจะเห็นแท่งไฟส่องสว่างสวยงามไปทั่วทั้งฮอลล์
ย้อนประวัติที่มาของการแสดงชุดนี้กันสักนิด Walking with Dinosaurs – The Arena Spectacular (วอล์คกิ้ง วิธ ไดโนซอร์ส – ดิ อารีน่า สเป็คแท็คคูลา) สร้างขึ้นที่ประเทศออสเตรเลียในปี 2550 และถ้ายังจำกันได้ พวกเขาเคยเดินทางมาเปิดการแสดงในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2553 โดยสร้างปรากฏการณ์ Sold Out ทุกที่นั่งทุกรอบการแสดง
Walking with Dinosaurs – The Arena Spectacular เป็นการแสดงราว 1 ชั่วโมง 40 นาที เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของบริษัท โกลบอล ครีเชอร์ส (Global Creatures) ใช้เงินลงทุนกว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ เล่าถึงวิวัฒนาการของไดโนเสาร์ได้อย่างสมจริงสมจัง และเต็มไปด้วยเทคนิคพิเศษในการจัดแสงและฉายภาพที่ทำให้เราคล้ายย้อนกลับไปในโลกยุคไดโนเสาร์ ที่ข้อมูลถูกต้องตามการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ล่าสุด ที่ค้นพบความจริงว่าไดโนเสาร์บางสายพันธุ์มีขน!
การแสดงแบ่งออกเป็นสองช่วง ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของโลก ตั้งแต่การแยกตัวของแผ่นดินและแบ่งออกเป็นทวีปต่างๆ การเปลี่ยนผ่านจากยุคไทรแอสซิก ซึ่งเป็นทะเลทรายที่แห้งผาก ไปสู่ยุคจูราสสิกที่เต็มไปด้วยทุ่งหญ้าเขียวขจี การกำเนิดของมหาสมุทร การระเบิดของภูเขาไฟ รวมถึงการเกิดไฟป่า ไปจนถึงเหตุการณ์ที่ดาวหางขนาดใหญ่พุ่งชนโลก จนนำไปสู่การสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ในที่สุด
หลังจากได้เห็นการแสดงที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยทีมงานเบื้องหลังมากมายในการสร้างจินตนาการให้กลับมามีชีวิตได้เหมือนจริง เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์ผู้กำกับโชว์ เอียน วอลเลอร์ (Ian Waller, Resident Director) เกี่ยวกับการทำงานของเขา
“ก่อนหน้านี้ผมเป็นนักแสดงมาก่อน และเปลี่ยนตำแหน่งมากำกับ ผมทำงานกำกับมาแล้วอย่างเช่นโชว์ Mamma Mia! ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกันกับ Walking with Dinosaurs ในครั้งนี้ จบจากโชว์ Mamma Mia! ผมก็มากำกับไดโนเสาร์ต่อ
“ความท้าทายของการกำกับโชว์ไดโนเสาร์ คือการทำให้ทุกคนทุกอย่างอยู่ในที่ทางของตัวเอง อย่างตัวไดโนเสาร์ก็ด้วย เพราะเราต้องขนส่งพวกเขาข้ามประเทศในแต่ละครั้งที่จัดโชว์ อย่างก่อนหน้านี้เราต้องส่งพวกเขาจากมอสโกไปร็อตเธอร์ดัม และล่องเรือมาถึงที่ญี่ปุ่นนี่ล่ะครับ ทุกครั้งที่มีการขนส่ง มันก็จะเกิดข้อผิดพลาดหรือเกิดความสูญเสียอยู่บ้าง ซึ่งเราก็ต้องทำทุกอย่างให้กลับมาพร้อมสำหรับโชว์ให้ได้
“จริงๆ แล้วพวกเราคือครอบครัว เราเป็นครอบครัวใหญ่มากราว 70 คน และเราทำงานกันด้วยความรัก ทุกคนรักโชว์นี้มากๆ เพราะไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่มารวมตัวกันทำงานนี้ให้เกิดขึ้นมาได้”
สำหรับใครที่เคยชมโชว์ Walking with the Dinosaurs ที่เคยมาจัดการแสดงที่ประเทศไทยในปี 2010 อาจสงสัยว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างกับเวอร์ชันในปีนี้ เอียน วอลเลอร์ ได้ตอบคำถามนี้ไว้ว่า
“เราทำการค้นคว้าเรื่องไดโนเสาร์อยู่ตลอด และเราพบความจริงว่าไดโนเสาร์สายพันธุ์แรปเตอร์มีขน เราเลยส่งตัวแรปเตอร์และทีเร็กซ์แม่ลูกกลับไปออสเตรเลีย เพื่อปรับปรุงพวกเขาให้เหมาะกับข้อมูลใหม่ที่เราได้พบ เราพยายามทำให้มันใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด นอกจากนี้เรายังปรับปรุงเรื่องฉากใหม่ เสียง แสง สีใหม่ เพื่อให้เข้ากับผู้ชมในแต่ละประเทศมากขึ้น และพัฒนาขึ้นจาก 9 ปีที่แล้ว
“ส่วนฟีดแบ็กที่ได้รับจากการไปโชว์ในประเทศต่างๆ ก็ทำให้ผมประหลาดใจมาก คือทุกคนรักไดโนเสาร์อยู่แล้ว แต่โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่น เราจะเห็นเขานั่งดูกันเรียบร้อยมาก ถ้าเป็นที่สเปนเราจะเห็นคนดูยืนขึ้นแล้วส่งเสียงร้อง แต่ผมก็ชอบนะที่ได้เห็นความแตกต่างในแต่ละวัฒนธรรมที่เราเดินทางไป”
สำหรับการแสดงบนเวที เราจะเห็นเหล่าไดโนเสาร์กลับมามีชีวิตอีกครั้งผ่านการบังคับของทีมงานผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงหุ่นไดโนเสาร์จำนวนหนึ่งที่ใช้นักแสดงสวมชุดและทำหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ซึ่งในครั้งนี้ แมตต์ โอลเวอร์ (Matt Olver, Suit Performer) นักแสดงคาแรกเตอร์ Baby T-Rex ได้ให้สัมภาษณ์ท่ามกลางเสียงร้องของไดโนเสาร์ที่มาร่วมให้สัมภาษณ์ด้วย
“เห็นแบบนี้นะครับ แต่น้ำหนักของชุดแรปเตอร์อยู่ราวๆ 30-40 กิโลกรัม หนักนะครับถ้าให้ผมบอก ส่วนตัวลิเลียนสเตอร์นัสจะหนักที่สุด ราว 50 กิโลกรัม ข้างในของชุดก็จะคล้ายๆ กัน มีกลไกในการควบคุมการเคลื่อนไหว ทั้งอ้าปาก กะพริบตา และการส่งเสียงต่างๆ แต่ก็จะมีความแตกต่างในรายละเอียด อย่างลิเลียนสเตอร์นัสจะมีหางที่ยาว เวลาที่เราแสดงก็จะแตกต่าง ผมก็จะส่ายก้นเหมือนกับตัวเองเป็นสุนัขตัวใหญ่ๆ (หัวเราะ)
“อย่างหนึ่งที่สำคัญมากเลยคือ พวกเราที่เป็นนักแสดงต้องแข็งแรงอยู่เสมอ เราใช้เวลาเยอะมากในการเตรียมพร้อมก่อนการแสดง โดยเฉพาะการออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรง รูปร่างต้องสมส่วนตลอด รวมทั้งเรื่องอาหารการกินด้วยครับ นอกจากนั้นเราต้องเรียนรู้ว่าสัตว์แต่ละชนิดแสดงออกอย่างไร ทั้งท่าทางการเคลื่อนไหวของนก สัตว์ป่าต่างๆ พวกเราศึกษาจากสารคดีเยอะมากๆ เพื่อให้การเคลื่อนไหวต่างๆ ใกล้เคียงกับไดโนเสาร์ให้ได้มากที่สุด”
ไดโนเสาร์ทั้ง 9 สายพันธุ์ที่เราจะได้เห็นในโชว์ครั้งนี้ เป็นตัวแทนของยุคไดโนเสาร์ที่ครองโลกเมื่อ 200 ล้านปีก่อน ประกอบด้วย ไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ (Tyrannosaurus Rex) หรือ ที-เร็กซ์ (T-Rex) นักล่าแห่งโลกดึกดำบรรพ์ พร้อมด้วย แพลททีโอซอรัส (Plateosaurus) และลิเลียนสเตอร์นัส (Liliensternus) จากยุคไทรแอสซิก, สเตโกซอรัส (Stegosaurus) และอัลโลซอรัส (Allosaurus) จากยุคจูราสสิก รวมทั้ง โทโรซอรัส (Torosaurus) และยูทาห์แรปเตอร์ (Utahraptor) จากยุคครีเทเชียส นอกจากนี้ ยังมี แบรคิโอซอรัส (Brachiosaurus) ไดโนเสาร์พันธุ์กินพืชที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีความสูงถึง 11 เมตร และมีความยาวจากหัวถึงหางถึง 17 เมตร
ซึ่งผู้อยู่เบื้องหลังการควบคุมเหล่าไดโนเสาร์ก็คือทีมงานกำกับท่าทางและเสียงร้อง ซึ่งพวกเขาต้องทำงานร่วมกันนานนับปีเพื่อสร้างสรรค์โชว์นี้ บริเวณแผงควบคุมจะประกอบไปด้วยทีมงานควบคุมตัวไดโนเสาร์ ทั้งคนควบคุมการเคลื่อนไหว และคนควบคุมการส่งเสียงร้องต่างๆ ซึ่งทุกคนทำงานสอดคล้องกันได้อย่างกลมกลืน
พอได้เห็นการทำงานเบื้องหลัง และทำให้เข้าใจว่าการแสดงที่สมบูรณ์แบบย่อมมาจากการร่วมมือร่วมใจในการทำงานอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
และแน่นอนว่าถ้าคุณเป็นหนึ่งใน #ชมรมรักไดโนเสาร์ ก็ไม่ควรพลาดโชว์นี้ เพราะการได้เห็นไดโนเสาร์ขนาดเท่าของจริงปรากฏตัวบนเวที พร้อมการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ ท่ามกลางการจัดเวที แสงสีเสียงที่สร้างความตื่นตาตื่นใจ ก็ต้องบอกว่านี่คือโชว์ไดโนเสาร์อันดับ 1 ของโลกได้อย่างไม่มีข้อกังขา
ภาพ: BEC Tero
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
- Walking with Dinosaurs – The Arena Spectacular จะจัดการแสดงระหว่างวันที่ 12-15 กันยายนนี้ ที่อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี บัตรราคาเริ่มต้น 600 บาท เปิดจำหน่ายบัตรที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา หรือ www.thaiticketmajor.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2262 3838