ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่องกับกระแสเทคโนโลยี VR (Virtual Reality) ที่ดูจะขยายความเป็นไปได้ออกไปไกลเกินคาด และอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด เพราะประสบการณ์ในโลกเสมือนจริงกำลังย้ายมาอยู่บนสมาร์ทโฟนของเรา! ทาง Orbis Research บริษัทวิจัยด้านการตลาดคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาด VR ทั่วโลกมีแนวโน้มพุ่งสูงถึง 4,000 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2020 ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้มาจากแค่อุตสาหกรรมเกมที่ได้รับคะแนนนิยมสุดๆ เท่านั้น แต่ยังหลั่งไหลมาจากธุรกิจสื่อ เอ็นเตอร์เทนเมนต์ รีเทล การแพทย์ อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงแวดวงการศึกษาที่เริ่มเดินเกมรุกตามเทรนด์นี้กันจริงจัง
แม้ว่าตลาด VR ในบ้านเราจะเพิ่งเริ่มไม่นาน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส หลังจาก AIS IMAX VR เปิดตัวไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่แล้ว ล่าสุดทาง AIS ยังผนึกกำลังกับ IMAX เพื่อเฟ้นหานักสร้างสรรค์คอนเทนต์บน VR หรือ VR Content Creator ยอดฝีมือในไทย พร้อมโอกาสแจ้งเกิดสู่ผู้ผลิตคอนเทนต์ระดับมืออาชีพและบุกตลาดต่างประเทศ ผ่านโครงการ AIS The StartUp Monthly Pitching ที่จัดขึ้นทุกเดือนอีกด้วย
โปรเจกต์นี้น่าสนใจอย่างไร เราชวน ดร.ศรีหทัย พราหมณี Head of AIS The StartUp และ สาโรจน์ อนันต์สิทธิโชค ผู้จัดการฝ่ายมาร์เก็ตติ้ง IMAX VR จาก Major Cineplex มาพูดคุยถึงรายละเอียดของงานและโอกาสที่ไม่ควรพลาดกัน
มองภาพรวมของเทรนด์ VR ตอนนี้อย่างไร เห็นโอกาสอะไรที่น่าสนใจ
สาโรจน์: ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา วิสัยทัศน์ IMAX คือการนำเสนอประสบการณ์ที่เหนือกว่าทั่วไป ไม่ว่าจะในแง่ของจอภาพยนตร์ขนาดยักษ์ กล้อง IMAX ที่ความละเอียดสูง รวมไปถึงโปรเจกเตอร์ที่มีความสว่างมากกว่าปกติ เราโปรโมตมาตลอดว่า ถ้ามาดู IMAX จะรู้สึกได้เหมือนกับคุณอยู่ในซีนนั้นๆ ด้วย แต่วันนี้มีมากกว่านั้น คุณสามารถเข้าไปสวมบทบาทเป็นคาแรกเตอร์นั้นได้เลย ถ้าอยากจะเป็น Justice League เป็น Batman หรือ Superman คุณก็สามารถเป็นได้เลย ไม่ใช่แค่นั่งดูอีกแล้ว ในส่วน VR Content ปัจจุบันทั่วโลกก็ให้ความสำคัญมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านเอ็นเตอร์เทนเมนต์อย่างเช่น Samsung มีอุปกรณ์ VR หรือ CJ Entertainment เจ้าของระบบ 4DX ในเกาหลีก็มีโปรเจกเตอร์ VR ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ หลายๆ วงการก็เริ่มใช้ VR กันแล้ว เช่น การศึกษาและการแพทย์ ส่วนวงการภาพยนตร์ตอนนี้เราก็ดีลกับสตูดิโอเมืองนอกและผู้กำกับที่เตรียมนำภาพยนตร์มาพัฒนาเกม VR ปัจจุบันก็มี Justice League ในอนาคตก็อาจจะมีทั้งค่าย Marvel ค่าย DC และอื่นๆ อีกมากมาย
ดร.ศรีหทัย: นอกจากเทรนด์ของประเภทคอนเทนต์ ความน่าตื่นเต้นอีกอย่างคือเทรนด์ของอุปกรณ์ที่รองรับเทคโนโลยี VR ที่ต่อไปจะทำให้เราได้รับประสบการณ์ VR ได้บนสมาร์ทโฟน โดยที่เราไม่ต้องจำกัดอยู่กับเวลาและสถานที่
แสดงว่านอกจากเกมและภาพยนตร์ ยังมีคอนเทนต์ด้านอื่นๆ ที่มีโอกาสต่อยอดในอุตสาหกรรมดิจิทัลได้ใช่ไหม
สาโรจน์: ใช่ครับ ปัจจุบันเรายังจับมือกับ Google ด้วย ใช้กล้อง 360 องศาในการเก็บภาพ สร้างสิ่งที่ดูมีชีวิตขึ้นมา เราอาจจะไปเดินโผล่ในกรุงปารีส ตามงานแฟชั่นโชว์หรืองานเทศกาลต่างๆ ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงพัฒนากันอยู่ อาจจะมีการใช้ในเชิงพาณิชย์มากขึ้นด้วย
ทำไม AIS The StartUp จึงสนใจและต้องการเฟ้นหา VR Content Creator
ดร.ศรีหทัย: VR Content ส่วนใหญ่มาจากเมืองนอก แต่เราเชื่อว่ายังมีคนไทยที่เป็น Content Creator ที่มีศักยภาพและรอการส่งเสริม เลยเป็นที่มาของโปรเจกต์นี้ เพราะ IMAX เองก็มีศักยภาพทางด้านเทคโนโลยี VR ส่วน AIS ก็มุ่งเน้นในด้าน Digital Service Provider ถ้านำศักยภาพทั้งสองด้านมารวมกัน ก็จะช่วยส่งเสริม VR Content Creator ในเมืองไทยให้มีโอกาสและมีเวทีปล่อยของ เราอยากจะเปิดโอกาสให้ VR Content Creator ที่พัฒนาทั้งเกม Video Content และ VR Experience ที่นำ VR เข้ามาเสริมในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ธุรกิจก่อสร้าง-อสังหาริมทรัพย์ที่ให้ลูกค้าเลือกชมรูปแบบบ้านผ่าน VR หรือจะใช้ในวงการการศึกษาก็ได้ เราเชื่อว่าคนไทยมีความสามารถไม่แพ้ชาติใดในโลก ประกอบกับทาง AIS เองก็อยากผลักดันตัวอย่างผลงานที่ดีของคนไทยไปสู่สายตาชาวโลกด้วย
เพราะคนไทยตื่นตัวกับ VR มากขึ้นด้วยหรือเปล่า เลยมองเห็นโอกาสของคอนเทนต์ประเภทนี้
ดร.ศรีหทัย: ใช่ค่ะ VR เป็นเทคโนโลยีที่เป็นทั้งปัจจุบันและอนาคต นั่นหมายความว่า ณ ปัจจุบัน VR อาจจะยังไม่ใช่ Critical mass หรือแมสจริงๆ เข้าถึงได้แค่กลุ่มเล็กๆ แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดแมสได้ มันต้องผ่าน Ground state หรือระยะเริ่มต้นก่อน ซึ่งใครล่ะที่จะเป็นคนคิดค้นสิ่งนี้ให้กับประเทศไทย ถ้าย้อนกลับไปมองหลายปีที่แล้ว มีสตาร์ทอัพที่เคยผ่านด่านนี้มาก่อน ตอนนั้นหลายคนเคยสงสัยว่าสตาร์ทอัพคืออะไร VR ในตอนนี้ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน เรากำลังอยู่ในสเตจที่จะต้องช่วยกันส่งเสริมตลาดตรงนี้ให้เกิดขึ้น และ AIS ก็พร้อมที่จะเป็นคนคนนั้น คนที่ช่วยผลักดันโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศไทย
มองหา VR Content ประเภทไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า
ดร.ศรีหทัย: แน่นอนว่าเราสนใจทั้ง VR Gaming และ VR Experience ในส่วนของ VR Gaming เราทำงานร่วมกับ IMAX ทำให้เรารู้สึกได้ถึงประสบการณ์ที่ตื่นเต้น เพราะหัวใจสำคัญของเกมคือความสนุกสนาน ซึ่ง IMAX เองก็มีความเชี่ยวชาญด้านนี้มากอยู่แล้ว อีกกลุ่มหนึ่งคือ นักสร้างสรรค์ VR Experience ที่นำ VR เข้ามาส่งเสริมธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เราให้ความสนใจอย่างมากกับ VR ที่สามารถแสดงผลบนแพลตฟอร์มโมบายล์ เราตื่นเต้นนะคะที่จะค้นหา VR Content Creator ที่สามารถทำให้คนมี Experience on the move ได้บ้าง
คณะกรรมการมีใครบ้าง และมีเกณฑ์การตัดสินอย่างไร
ดร.ศรีหทัย: คณะกรรมการจะประกอบด้วยกรรมการจาก AIS The StartUp ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านธุรกิจ เทคโนโลยี และสามารถส่งเสริมผลักดันสตาร์ทอัพสู่สนามธุรกิจจริง ในขณะเดียวกันเราก็ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้าน VR จาก IMAX มาร่วมพิจารณาคอนเทนต์ที่มีศักยภาพเพื่อคัดเลือกผู้เข้าร่วมในแต่ละครั้ง โดยจะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์ในแต่ละด้าน ซึ่งทุกคนก็ทำการบ้านกันหนักมาก ในส่วนเกณฑ์การตัดสินจะแตกต่างจากเกณฑ์การตัดสินของสตาร์ทอัพทั่วไป ในส่วนของ VR เพราะเราจะเน้นที่คอนเทนต์เป็นหลัก นั่นคือเรื่องการใช้เทคโนโลยี VR ความสนุกสนาน การใช้งานได้จริง รวมไปถึงคอนเทนต์ที่สอดคล้องกับคนไทยหรือ Local Content ด้วย ตอนนี้เรามองหาคนมีพื้นฐานก่อน เมื่อคุณทำเป็น ทางเราจะช่วยส่งเสริมให้สิ่งที่คุณเริ่มทำมันกลายเป็นสิ่งของที่มาอยู่ในสปอตไลต์ แล้วเพิ่มศักยภาพของของเหล่านั้น ทำให้คนจับต้องได้ ทำให้คนเข้าถึงได้ แล้วนำไปสู่การหารายได้ได้ ส่วนทาง IMAX จะช่วยดูเรื่องการยกระดับศักยภาพไปสู่คอนเทนต์ระดับโลกหรือ Global Content
สาโรจน์: ในส่วนของ Global Content เราจะช่วย VR Content Creator พัฒนาต่อยอดไปถึง IMAX VR ทั่วโลกเลย เช่น การลงทุนโฆษณาเกมต่างๆ ทั่วโลก เพราะฉะนั้นคนไทยเองก็มีโอกาสที่จะพัฒนา VR ออกสู่ระดับโลกเช่นกัน
มองทิศทางการเติบโตของ VR Content ในไทยและต่างประเทศในอนาคตอย่างไรบ้าง
ดร.ศรีหทัย: ต่างประเทศเขานำหน้าเราไปค่อนข้างเยอะ มีบริษัทสตาร์ทอัพที่ไม่ได้ผลิตแค่คอนเทนต์ แต่พัฒนาเทคโนโลยีเองด้วย และรองรับคอนเทนต์ในหลายแพลตฟอร์ม เขามีองค์ความรู้และมีผู้เชี่ยวชาญด้าน VR โดยตรง นั่นคือโอกาสในต่างประเทศ แต่ในไทยยังเป็นระยะเริ่มต้น (Early State) มากๆ หมายความว่า คนส่วนใหญ่เริ่มทันแล้ว หลายๆ คนเริ่มทำ VR แล้ว แต่ยังกระจายตัวกันอยู่ตามจุดต่างๆ ซึ่งถ้าเราสามารถรวมแต่ละจุดมาขมวดเป็นก้อนเดียวกันได้ โดยที่ทาง AIS และ IMAX ช่วยกันส่งเสริม เราเชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นสปริงบอร์ดทำให้อนาคตเมืองไทยเติบโตก้าวกระโดด และเป็นแหล่งผลิต VR Content ได้เหมือนกัน
ทำไม VR Content Creator ถึงไม่ควรพลาดโครงการนี้ และผู้สมัครจะได้รับโอกาสอะไรบ้าง
สาโรจน์: เราสามารถส่งทีมงานเข้าไปฝึกฝนกับสตูดิโอระดับโลกได้ เช่น ทีมสตูดิโอผู้สร้าง Avatar คุณสามารถไปร่วมงานกับทาง IMAX ระดับโลกได้ แค่คุณมาเข้าร่วมโครงการนี้ สำหรับคนที่ยังไม่เคยสัมผัสประสบการณ์ของทีมงานระดับโลก ก็สามารถไปสัมผัสได้ที่ AIS IMAX ที่พารากอนซีนีเพล็กซ์นะครับ
ดร.ศรีหทัย: เรามองว่าตอนนี้เป็น ‘จังหวะที่ดี’ ในอดีตเราเคยเห็นน้องๆ สตาร์ทอัพหลายคนที่เคยทำ VR มาก่อน แต่ว่ามันยังไม่ใช่จังหวะที่ ‘ใช่’ สำหรับการ Kick off นี่เป็นครั้งแรก ที่แรก และที่เดียวในไทยที่สององค์กรใหญ่ซึ่งมีศักยภาพต่างกันมาผนึกกำลังกัน ช่วยกันส่งเสริม VR Content Creator โอกาสที่ว่านี้ไม่ใช่การแข่งขันหาผู้ชนะ แต่ให้คุณเข้ามาสู่เวทีของโลกแห่งความจริง และส่งผลงานเข้ามาพิจารณาได้ทุกเดือน ผ่านช่องทาง AIS The StartUp ตอนนี้เป็นจังหวะที่ดีเพราะว่าคนไทยเริ่มเข้าใจ VR และในอนาคตเมื่ออุปกรณ์ VR อยู่ในราคาที่จับต้องได้ ก็จะทำให้เกิดการขยายวงกว้างได้ในวงของธุรกิจภาพใหญ่ ถ้าคุณได้รับคัดเลือก คุณก็จะได้รับโอกาสและสิทธิพิเศษดังกล่าว แต่ถ้าคุณยังไม่ใช่ อย่างน้อยที่สุดคุณจะได้รับฟังฟีดแบ็กจากคณะกรรมการและผู้เชี่ยวชาญว่าอะไรคือสิ่งที่คุณต้องพัฒนา แล้วเดือนถัดไปคุณก็สามารถส่งผลงานเข้ามาได้อีก เรามองว่าทุกๆ ไอเดียต้องมีการพัฒนาเสมอ จนถึงวันหนึ่งที่ผลงานของคุณพัฒนาไปถึงจุดที่ใช่แล้ว คุณก็จะได้รับโอกาสตรงนั้น เพราะฉะนั้นเราก็อยากเชิญชวน VR Content Creator ทั้งหลาย ยังไม่ต้องคิดว่าพร้อมหรือเปล่า แต่ให้ส่งมาก่อนเลย อย่างน้อยที่สุดทุกคนจะได้รับฟีดแบ็กที่เป็นประโยชน์จากเรา
สำหรับผู้สนใจ สามารถส่งผลงาน VR Content และ VR Experience มากันได้ทุกเดือน โดยสามารถส่งผลงานเข้าร่วม AIS The StartUp Monthly Pitching ประจำเดือนมีนาคมได้ภายในวันที่ 15 ของทุกๆ เดือน
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.co.th/thestartup/index.htm
www.facebook.com/AISTheStartup/
อ้างอิง: