×

‘วรภัค’ ลาออกตำแหน่ง รมช.คลัง ปฏิเสธปมเชื่อมโยงแก๊งสแกมเมอร์ ยันไม่เกี่ยวข้อง BIC Bank กัมพูชา เตรียมฟ้อง Tom Wright

22.10.2025
  • LOADING...
‘วรภัค’ ลาออกตำแหน่ง รมช.คลัง ปฏิเสธปมเชื่อมโยงแก๊งสแกมเมอร์ ยันไม่เกี่ยวข้อง BIC Bank กัมพูชา เตรียมฟ้อง Tom Wright

‘วรภัค’ รมช.คลัง ประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังแถลงข่าวปฏิเสธเชื่อมโยงสแกมเมอร์ และยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับ BIC Bank กัมพูชา เตรียมฟ้องผู้กล่าวหา รวมทั้ง Tom Wright

 

จากกรณีที่ วรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (รมช.คลัง) ถูกกล่าวหาว่ามีความเชื่อมโยงกับสแกมเมอร์และการฟอกเงิน ล่าสุด วรภัคประกาศลาออกจากตำแหน่ง โดยจะมีผลวันนี้ (22 ตุลาคม 2568) หลังจากรับตำแหน่งได้ 22 วัน

 

“ผมไตร่ตรองอยู่นาน และตัดสินใจว่า ผมจะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้เรื่องส่วนบุคคลกลายเป็นภาระหรือเงื่อนไขที่อาจกระทบต่อความคล่องตัวและประสิทธิภาพของรัฐบาล การตัดสินใจครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อยืนหยัดหลักความโปร่งใส และความเป็นอิสระของรัฐบาลในการบริหารประเทศ ให้ปราศจากข้อครหา และไม่เปิดช่องให้ฝ่ายใดนำเรื่องส่วนตัวของผมมาเป็นอุปสรรคต่อภารกิจของรัฐบาล” วรภัคกล่าว

 

วรภัคยืนยันว่า เสถียรภาพรัฐบาลวันนี้ขึ้นอยู่กับผลงาน เชื่อว่าตนไม่อยู่ 5 เสาหลักทางเศรษฐกิจก็จะทำสำเร็จใน 4 เดือน ส่วนช่วงที่อยู่ระหว่างการจัดเตรียมเลือกตั้งสามารถจะวางระบบในระยะยาวได้

 

เขายังย้ำว่า ไม่ได้ถูกกดดันให้ลาออก และไม่มีการหารือกับทนายของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

 

พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเอง และจะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่บิดเบือนและเผยแพร่ข้อมูลเท็จ เพื่อปกป้องเกียรติ ชื่อเสียง และหลักความจริง”

 

ทั้งนี้ หนึ่งในบุคคลที่วรภัคเตรียมใช้สิทธิฟ้องร้องตามกฎหมาย คือ Tom Wright ผู้เขียนบทความซึ่งได้ระบุชื่อของวรภัคว่าเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมชาวจีน-กัมพูชา

 

“คือผมฟ้องเนี่ย ผมฟ้อง Tom Wright ก่อนคนแรก และใครที่เอาข่าวบิดเบือนของ Tom Wright มาขยายความ อันนั้นคือกลุ่มที่สอง”

 

ส่วนกรณีของ BIC Bank ที่เคยใช้ภาพของวรภัคไปแสดงในเว็บไซต์ว่าเป็นที่ปรึกษา วรภัคกล่าวว่า “คงไม่ได้ฟ้อง เขาเอารูปผมไปลง แต่ผมก็ยังไม่เห็นจริงๆ เห็นแค่ (จากรูป) แคปเชอร์หน้าจอมา พอเข้าไปดูก็ไม่มีแล้ว”

 

ส่วนรายละเอียดอื่นๆ จากการแถลงชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกกล่าวหา ผูกพันกับสแกมเมอร์ การฟอกเงิน และธุรกิจผิดกฎหมาย นั้น วรภัค กล่าวว่า

 

“ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับขบวนการหลอกลวงต้มตุ๋นหรือที่เรียกว่าสแกมเมอร์ ไม่ว่าจะในกัมพูชาหรือที่อื่นในโลก มีการพยายามเชื่อมโยง BIC Group และ BIC Bank กัมพูชา ให้เกี่ยวข้องกับกระบวนการหลอกลวงต้มตุ๋น ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ไม่อาจทราบได้ ต้องให้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาตรวจสอบ เพราะส่วนไม่เกี่ยวข้องกับ BIC Group และ BIC Bank”

 

พร้อมทั้งยืนยันว่า การกล่าวหาภรรยา คือ กนกพร สีตะวรารัตน์ ว่าได้รับผลประโยชน์เป็นเงินคริปโตจำนวนหลายล้านเหรียญ เป็นการใส่ร้ายด้วยข้อมูลเท็จ ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

 

“ผมขอยืนยันว่าภรรยาของกระผมไม่เคยมีบัญชีคริปโตใดๆ ทั้งสิ้นทั้งในอดีตและปัจจุบัน และไม่เคยได้รับผลประโยชน์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้เลย” วรภัคกล่าว

 

วรภัคกล่าวว่า โดยส่วนตัวที่เคยพบกับผู้บริหารของ BIC Bank ที่เป็นประธานกรรมการของธนาคารนี้ คือ Leak Yim แต่ไม่เคย เป็นกรรมการ กรรมการบริหาร หรือที่ปรึกษาใดๆ ของ BIC Bank กัมพูชา และไม่เคยรับเงินหรือผลตอบแทนใดๆ

 

ส่วน Benjamin Mauerberger นั้น ผมรู้จักในฐานะผู้ปกครองเนื่องจากลูกเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันในประเทศไทย เป็นผู้ปกครองนักเรียนวัย เดียวกัน ชั้นเดียวกัน โรงเรียนเดียวกันเท่านั้น

 

“ผมมีประวัติการทำงานและจรรยาบรรณที่ โปร่งใส ตรวจสอบได้ มาตลอด 30 ปีในแวดวง การเงินระดับสากล ทั้งในองค์กรต่างชาติและองค์กรของรัฐขนาดใหญ่ของไทย และปัจจุบันทำงานในตำแหน่ง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ข้าราชการกระทรวงการคลังที่มีโอกาสทำงานใกล้ชิด กับผมมากกว่าหนึ่งปีก่อนหน้านี้ รวมทั้งในปัจจุบัน จะสามารถยืนยันได้ว่าผมทำงานอย่างไร”

 

ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการเป็นตัวแทน (Nominee) ในการซื้อหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส (Finansia Syrus: FSS) ผ่านบริษัท Pilgrim Finansa

 

วรภัคกล่าวว่า ในปี 2564 ได้เข้าซื้อหุ้น 29% ของ บล. ฟินันเซีย ไซรัส พร้อมกับ ช่วงชัย นะวงศ์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ฟินันเซีย ไซรัส ธุรกรรมดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายและกฎระเบียบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทุกประการ โดยเป็นการซื้อกิจการในลักษณะที่เรียกว่า Management Buyout หรือการซื้อกิจการโดยผู้บริหารที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการบริหารกิจการของบริษัทนั้นๆ

 

ในการซื้อหุ้นในครั้งนั้น ผมได้รับวงเงินสนับสนุน 2 ส่วน คือส่วนที่ซื้อหุ้นและส่วนที่ ต้องเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมด (Tender Offer) ซึ่งส่วนแรกเป็นเงินกู้จากกองทุนในสิงคโปร์ชื่อ Capital Asia Investment (CAI) เป็นบริษัทจัดการกองทุน ภายใต้การกำกับดูแลของ MAS ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลสิงคโปร์

 

และส่วนที่สองจาก BIC Bank Lao ซึ่งเป็นธนาคารที่ถือหุ้น 70% โดยกลุ่มธุรกิจชาวลาว ชื่อ ‘Asia Investment and Financial Services Sole Co., Ltd.’ และอีก 30% โดยบริษัทการไฟฟ้าลาว ทั้งนี้ วงเงินจาก BIC Bank Laos ไม่ได้ถูกใช้ เนื่องจากไม่มีผู้ถือหุ้นเดิมขายให้ผ่านการทำ Tender Offer ดังกล่าว

 

ทั้งนี้ BIC Bank Laos และ BIC Bank Cambodia มีความเกี่ยวพันมาอย่างไรจากในอดีต ถึงใช้ชื่อคล้ายกันนั้นผมไม่ทราบ ผมทราบแต่เพียงว่าในปัจจุบันนั้น ความเป็นเจ้าของและการบริหารจัดการนั้นแยกกันเด็ดขาด ผู้ถือหุ้นใหญ่ BIC Bank Laos เป็นกลุ่มธุรกิจชาวลาวและบริษัทการไฟฟ้าลาว และเท่าที่หาข้อมูลได้ BIC Bank Cambodia ที่อยู่ในประเทศกัมพูชานั้น ถือหุ้นใหญ่โดย บริษัท Apsara Holdings 99% และ Yim Leak 1%

 

หลังจากวรภัคและช่วงชัยเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซียเมื่อปี 2564 ได้ดำเนินการปรับโครงสร้างบริษัทโดยจ้าง McKinsey & Co. เป็นที่ปรึกษา เพื่อทำ Digital Transformation พัฒนาให้เป็นองค์กรดิจิทัล แต่การปรับปรุงองค์กรไม่เร็วอย่างที่คาด จนเมื่อปลายปี 2567 ได้ตัดสินใจขายหุ้นทั้งหมดให้กับช่วงชัย และลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัท

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising