โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้ที่ทำทั้งโลกอึ้งและชื่นชมในฐานะผู้นำประเทศมือใหม่แห่งยูเครน ผู้ต้านทานแสนยานุภาพทางทหารของรัสเซียได้อย่างไม่น่าเชื่อ
รายการ KEY MESSAGES จะพาทุกท่านไปรู้จักชายผู้นี้ที่กำลังนำยูเครนต่อสู้กับรัสเซีย โดยมีเดิมพันคือบูรณภาพและเอกราชของยูเครน
โวโลดิเมียร์ โอเล็กซานโดรวีช เซเลนสกี เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม 1978 ในเมืองครีวิริก ที่ผู้คนใช้ภาษารัสเซียเป็นหลัก โดยเซเลนสกีใช้ภาษารัสเซียมาตั้งแต่เกิด เพิ่งจะมาหัดพูดภาษายูเครนอย่างจริงจังในปี 2017 นี้เอง
คุณพ่อของเขา โอเล็กซานเดอร์ ซีมีโยโนวีช เซเลนสกี เป็นศาสตราจารย์ด้านคอมพิวเตอร์และฮาร์ดแวร์แห่งมหาวิทยาลัยครีวิริก ส่วนคุณแม่ของเขาคือ ริมมา โวโลดีมีโรวีช เซเลนสกา เป็นวิศวกร
แต่ถ้าย้อนไปถึงครอบครัวของเขาให้ลึกกว่านี้จะพบว่า บรรพบุรุษของเขาก็มีความเกี่ยวข้องกับสงคราม โดยคุณปู่ของเซเลนสกีเป็นทหารสังกัดกองพลปืนเล็กที่ 58 แห่งกองทัพแดงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนทวดและพี่น้องของปู่ถูกสังหารหมู่โดยนาซีในเหตุการณ์ Holocaust เนื่องจากเป็นเชื้อสายยิว
ในวัยเด็ก โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ต้องติดตามบิดามารดาไปประเทศมองโกเลียอยู่ 4 ปี เนื่องจากพ่อของเขาได้ไปเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยที่นั่น จากนั้นเขากับคุณแม่จะย้ายกลับมายังบ้านเกิดที่ครีวิริก และเข้าเรียนต่อในระดับประถมและมัธยมในระบบการศึกษายูเครน
เซเลนสกีถือเป็นเด็กที่มีความสามารถทั้งวิชาการและการกีฬา เขาสามารถสอบผ่าน TOEFL จนได้รับทุนไปเรียนต่อที่ประเทศอิสราเอล แต่พ่อเขาคัดค้าน ในที่สุดจึงต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่บ้านเกิดและจบการศึกษานิติศาสตรบัณฑิต จากสถาบันเศรษฐศาสตร์ครีวิริก ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นเพียงสาขาหนึ่งของมหาวิทยาลัยแห่งชาติเคียฟ
แต่การจบนิติศาสตรบัณฑิตก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นทนายหรือนักกฎหมายเสมอไป ในช่วงที่เรียนมัธยมปลายเขาได้เริ่มตั้งตัวเป็นนักแสดงตลก ซึ่งได้ก่อตั้งทีมจากเพื่อนๆ ที่กำลังจะจบการศึกษา โดยเขาเข้าร่วมแข่งขัน KVN ซึ่งเป็นโปรเจกต์เฟ้นหาผู้มีพรสวรรค์ด้านการสร้างอารมณ์ขันที่มีมาแต่ยุคสหภาพโซเวียต และในที่สุดก็คว้าแชมป์มาได้ในปี 1997
การได้เป็นแชมป์ KVN ทำให้ทีมของเซเลนสกีโด่งดังขึ้นมาทันทีในหมู่ประเทศอดีตสหภาพโซเวียต ทีมของเขาเนื้อหอมมากและได้เดินสายไปทั่วประเทศกลุ่มอดีตสหภาพโซเวียต และว่ากันว่าในช่วงนั้นทีมแสดงของเขากินนอนในมอสโกราวกับเป็นบ้านหลังที่สอง และในปี 2003 ทีมของเขาได้เริ่มแปลงโฉมเป็นสตูดิโอที่ผลิตรายการป้อนสถานีโทรทัศน์ยูเครนต่างๆ มากมาย รวมไปถึงผลงานร่วมกับวงการบันเทิงรัสเซียด้วย
เซเลนสกีสร้างผลงานในฐานะนักแสดงสมทบ ได้แก่ Love in the Big City ทั้ง 3 ภาค รวมไปถึงการพากย์เสียงของเจ้าหมีแพดดิงตัน และเป็นโปรดิวเซอร์หลักให้กับโทรทัศน์ยูเครนช่อง Inter ในช่วงปี 2010-2012
แต่ถ้าสัดส่วนผลงานของเซเลนสกีนั้น ผลงานในภาษารัสเซียถือเป็นสัดส่วนใหญ่ แต่ไม่ว่าผลงานใดก็ไม่สู้ซีรีส์ตลกเสียดสีสังคมและการเมือง ‘ผู้รับใช้ประชา’ (Servant of the People) ที่เซเลนสกีได้รับบทเป็นประธานาธิบดียูเครนที่มีพื้นเพมาจากครูสอนวิชาประวัติศาสตร์ในโรงเรียนที่จับพลัดจับผลูได้มาเป็นประธานาธิบดี
ซึ่งชีวิตจริงในเวลาต่อมา เซเลนสกีก็ได้เป็นประธานาธิบดียูเครนจริงๆ เรื่องนี้จะว่าไปก็มีส่วนคล้ายกับประวัติของอดีตนายกรัฐมนตรีไทย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งสมัยหนึ่งท่านเป็นนักแสดงรับบทเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศสารขัณฑ์ในเรื่อง The Ugly American ก่อนที่ในอีกสิบกว่าปีต่อมาจะได้กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไทยจริงๆ
เซเลนสกีตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมือง โดยตั้งชื่อพรรคชื่อเดียวกับซีรีส์คอเมดี้ที่โด่งดังที่สุดคือ ‘พรรคผู้รับใช้ประชา’ โดยตั้งพรรคขึ้นในปี 2018 และมีสมาชิกจากสตูดิโอของเขาด้วย โดยเซเลนสกีเคยกล่าวถึงจุดมุ่งหมายการลงสนามการเมืองว่า เพื่อเปลี่ยนแปลงบรรยากาศการเมืองและกู้วิกฤตศรัทธาสถาบันทางการเมือง ซึ่งผู้คนเบื่อหน่ายกับภาวะการทุจริตและการไร้ประสิทธิภาพในการบริหารในทุกระดับ
ในการเลือกตั้งปี 2019 เซเลนสกีถือว่าเป็นม้ามืดตามโพลต่างๆ เซเลนสกีเน้นช่องทางการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดียเป็นหลัก อย่างเช่น YouTube จนสื่อหลักวิพากษ์วิจารณ์ว่าพยายามเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสื่อ แต่เซเลนสกีก็แก้เกี้ยวว่าเขาไม่ได้พยายามหลบสื่อ เขาเพียงแค่ต้องการสื่อสารโดยตรงกับประชาชนโดยไม่ทำ PR ผ่านสื่อเหมือนนักการเมืองยุคเก่าก็เท่านั้น อีกทั้งยังโดนอดีตประธานาธิบดี เปโตร โปโรเชนโก ที่เป็นคู่แข่งในขณะนั้น โจมตีว่าถ้าเลือกเซเลนสกีจะหวานหมูต่อฝั่งรัสเซีย
แต่ในที่สุดเซเลนสกีก็ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดียูเครนด้วยคะแนนถล่มทลายกว่า 73% ส่วนอดีตผู้นำอย่างโปโรเชนโกได้เพียง 24% ในขณะที่การเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภานั้นพรรคผู้รับใช้ประชาก็ครองเสียงข้างมากพรรคเดียวเช่นกัน โดยได้เสียงไปถึง 254 ที่นั่ง จาก 424 ที่นั่ง โดยนโยบายที่เซเลนสกีชูหาเสียงไว้คือ การยุติการสู้รบในดอนบาส การปฏิรูปการเมืองเพื่อป้องกันการคอร์รัปชัน รวมไปถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทันทีที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีขึ้นดำรงตำแหน่งก็ได้ลงนามในคำสั่งโยกย้ายเจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศและรัฐบาลเป็นการใหญ่ มีการโยกย้ายผู้ว่าการจังหวัด 20 แห่ง จาก 24 จังหวัด ในช่วงแรกของการดำรงตำแหน่งโดยรวมของเซเลนสกีมักจะถูกขัดแข้งขัดขาอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิเสธการเปลี่ยนตัวของรัฐมนตรีต่างประเทศและผู้อำนวยการตำรวจลับ หรือญัตติการเปลี่ยนระบบเลือกตั้ง ซึ่งมักถูกปัดตกไปโดยเสียงส่วนใหญ่ของสภาเสมอ
ขณะที่นโยบายปฏิรูปของเซเลนสกีก็มีหลายอย่าง เช่น การสนับสนุนกัญชาเป็นยารักษาโรค การทำแท้งเสรี การนำการค้าประเวณีและการพนันขึ้นบนดินมาทำให้ถูกกฎหมาย รวมไปถึงนโยบาย Decommunization ที่เป็นการลดอัตลักษณ์อันมีที่มาจากยุคโซเวียตผ่านการทุบอนุสาวรีย์โซเวียตทิ้ง หรือการเปลี่ยนชื่อสถานที่ เปลี่ยนชื่อถนนหนทางต่างๆ และนโยบายการยุติสงครามในดอนบาส ซึ่งเซเลนสกีก็พยายามเจรจากับทางรัสเซียด้วย
อีกนโยบายที่สำคัญคือ นโยบายการปฏิรูปสื่อ โดยมีจุดมุ่งหมายที่เพิ่มการแข่งขันและลดอิทธิพลครอบงำของบรรดาโอลิการ์ชยูเครนต่อวงการโทรทัศน์และวิทยุ แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าสิ่งนี้อาจนำไปสู่การเซ็นเซอร์สื่อ เนื่องจากมีข้อกฎหมายว่าด้วยการเผยแพร่ข่าวเท็จ (Distribution of Disinformation) ซึ่งอาจถูกนำมาใช้แบบผิดๆ ได้
แต่โดยรวมผลงานของเซเลนสกีก็ยังไม่ค่อยมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน โดยเฉพาะการรับมือกับวิกฤตโควิด คะแนนนิยมก็เริ่มลดลง
ในช่วงปลายปี 2021 เซเลนสกีได้กล่าวโจมตีโครงการท่อก๊าซ Nord Stream 2 ของรัสเซียกับเยอรมนีว่าจะเป็นอาวุธที่อันตรายไม่เฉพาะต่อยูเครนแต่ต่อทั้งยุโรป ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ายูเครนที่เคยได้ผลประโยชน์จากการเป็นทางผ่านก๊าซจากรัสเซียไปยุโรปกำลังจะถูกรัสเซียดัดหลังด้วยโครงการ Nord Stream 2 ที่ท่อก๊าซใหม่จะไม่ผ่านยูเครน และในช่วงปีเดียวกันนี้เอง เซเลนสกีได้ขอร้องให้ NATO เร่งรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิก ตามมาด้วยการซ้อมรบของยูเครนประชิดน่านน้ำรัสเซียในทะเลดำ หรือการให้กองเรือ NATO มาซ้อมรบในย่านน่านน้ำแคว้นไครเมียที่รัสเซียปกครองอยู่ ซึ่งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งเหล่านี้รัสเซียได้ใช้เป็นเหตุในการบุกยูเครน
ในที่สุดเมื่อมีการบุกยูเครนโดยรัสเซีย ตอนแรกหลายคนเข้าใจว่าเซเลนสกีผู้ไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ สหรัฐอเมริกาถึงกับส่งข้อเสนอมารับประธานาธิบดีเซเลนสกีลี้ภัย แต่กลับกลายเป็นว่าเซเลนสกีปักหลักสู้และใช้ช่องทางสื่อสังคมออนไลน์อย่างเก่งกาจในการหาการสนับสนุนจากคนทั่วโลก
การศึกครั้งนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรีระหว่าง วลาดิเมียร์ ปูติน และ โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี เหมือนกับผู้เป็นยักษ์และผู้เป็นแจ็ก ซึ่งหลายฝ่ายมองกันแล้วว่ากระดูกคนละเบอร์กัน
ถ้าหากผู้เป็นยักษ์ซึ่งมีประสบการณ์เป็นผู้นำมากว่า 20 ปี รวมไปถึงประสบการณ์การเป็นสายลับอย่างโชกโชน ยังไม่สามารถล้มแจ็กผู้เป็นเพียงอดีตนักแสดงตลกนี้ลงได้
ผลร้ายในเรื่องของความเชื่อมั่นในตัวผู้นำอาจกลายเป็นบูมเมอแรง ปลิวกลับไปยังตัวปูตินเสียเองก็เป็นได้
ขณะที่วิกฤตรัสเซีย-ยูเครน จะจบลงอย่างไรต้องติดตามกันต่อไป และขอสันติภาพจงเกิดขึ้นโดยเร็ววัน