ถึงเวลาที่เอเจนซียุคใหม่ต้องเริ่มคิกออฟ ปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่เว้นแม้แต่ ‘โอกิลวี่ ประเทศไทย’ แม้ที่ผ่านมาคว้ารางวัลระดับโลกมาต่อเนื่อง ก็ยังไม่หยุดหากลยุทธ์สร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ จนทำให้ปี 2023 คว้า 3 รางวัล Grand Prix จากเวทีระดับโลก
จากรางวัลดังกล่าวสะท้อนถึงการทำงาน ภายใต้การนำทัพของทีมผู้บริหารชุดใหม่ นำโดย จิรวรา วีรยวรรธน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตามด้วย กำพล ลักษณะจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ และ ชาตรี โชคมงคลเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกลยุทธ์
สำหรับทิศทางการดำเนินงานต่อจากนี้ ‘โอกิลวี่ ประเทศไทย’ มุ่งให้ความสำคัญกับการสร้างอิมแพ็กให้กับการสร้างสรรค์งานที่ไร้เส้นแบ่ง โดยบริษัทจัดโครงสร้างธุรกิจแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ประกอบด้วย โฆษณา, ประชาสัมพันธ์, การสร้างประสบการณ์ลูกค้า, ที่ปรึกษาทางธุรกิจ และเฮลท์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- โอกิลวี่ ประเทศไทย ตั้ง ‘จิรวรา วีรยวรรธน’ นั่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ เตรียมโฟกัสงานด้านคน สิ่งแวดล้อม และธุรกิจ
- โอกิลวี่ ไทย ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 3 เอเจนซีที่มีผลงานสร้างสรรค์ที่สุดแห่งทศวรรษบนเวที Cannes Lions 2020
“ต้องยอมรับว่าโลกทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก หลายๆ ธุรกิจต้องทรานส์ฟอร์เมชัน ซึ่งการจัดโครงสร้างธุรกิจใหม่ เราต้องการต่อยอดไปหลายๆ ด้าน ที่ไม่ใช่แค่เรื่องการประชาสัมพันธ์เท่านั้น แต่เราจะช่วยให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในชีวิตผู้บริโภคตั้งแต่เริ่มต้น เพื่อสร้างประสบการณ์ลูกค้า ที่สำคัญทุกๆ กลุ่มธุรกิจจะนำเอาความเชี่ยวชาญทั้งความคิดและไอเดียใหม่ๆ มาร่วมเสนอ และใช้วิธีการทำงานร่วมกันกับลูกค้า โดยใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้งานได้อย่างรวดเร็ว” จิรวรา วีรยวรรธน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอกิลวี่ แอนด์ เมเธอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว
เรียกว่าจะต้องให้น้ำหนักกับทุกๆ ธุรกิจ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่ยังเป็นรายได้หลักยังให้ความสำคัญต่อไป แต่สิ่งที่จะสร้างโอกาสใหม่คือธุรกิจการสร้างประสบการณ์ลูกค้า ที่ผ่านมาบริษัทได้ลงทุนด้านเทคโนโลยี
อีกหนึ่งธุรกิจที่จะโฟกัสคือเฮลท์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะหลังโควิดมีหลายๆ ธุรกิจกระโดดเข้ามาจำนวนมาก และพร้อมจะลงทุนเพื่อรองรับโอกาสอย่างต่อเนื่อง
ด้าน ชาตรี โชคมงคลเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกลยุทธ์ โอกิลวี่ ประเทศไทย กล่าวต่อถึงแนวคิดในการพัฒนากลยุทธ์ให้ลูกค้าของโอกิลวี่ ประเทศไทย ประกอบด้วย การสร้างสรรค์กลยุทธ์เพื่อให้เป็นโซลูชันทางธุรกิจ โดยใช้องค์ประกอบหลายๆ ส่วนที่อาจไม่เกี่ยวข้องมาประกอบกัน ทำให้เกิดผลลัพธ์ในหลายมิติ เช่น แคมเปญ Amazing Thailand และ Amazing Deep Culture ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ตามด้วยการพัฒนากลยุทธ์ C2 Content-Contact สร้างความหมายสื่อสารคอนเทนต์ให้กับผู้บริโภค ทำให้แบรนด์เข้าถึงผู้บริโภคได้ตรงจุด เช่น แคมเปญ Breath of Thailand ของฮอลล์ และแคมเปญ More Space ของอิเกีย
ถัดมาคือการพัฒนากลยุทธ์ที่ดึงความโดดเด่นด้านความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างอิมแพ็กใน 3 มิติ ได้แก่ People, Planet และ Performance เกิดคุณค่าต่อผู้บริโภค สังคม และธุรกิจ เช่น แคมเปญ The Innocent Eyes ของวอยซ์ และแคมเปญ เอาใจไส้ ของดัชชี่
แน่นอนว่าการนำมุมด้านอิมแพ็กและ Borderless Creativity มาใช้ในการทำงาน สามารถวัดผลเป็นตัวเลขได้ชัดเจนจากทั้งยอดขาย Brand Love และ Engagement ทั้งหมดนี้ทำให้โอกิลวี่ ประเทศไทย คว้ารางวัลระดับ Grand Prix หรือเทียบเท่ามาได้จาก 3 เวทีประกวดระดับโลก ได้แก่ รางวัล Grand LIA บนเวทีลอนดอน อินเตอร์เนชั่นแนล อวอร์ด 2022 ตามด้วยรางวัล Best of Discipline บนเวทีวัน เอเชีย ครีเอทีฟ อวอร์ด 2022 และรางวัล Grand Prix บทเวทีสไปค์ เอเชีย อวอร์ด 2023
ปัจจุบันลูกค้าของโอกิลวี่ ประเทศไทย ประมาณ 80% เป็นลูกค้าโลคัล และอีก 20% เป็นลูกค้าโกลบอล ส่วนใหญ่แล้วพฤติกรรมการใช้งบยังอยู่ในสัดส่วนเท่าเดิม แต่ลูกค้ามุ่งให้ความสนใจกับการสร้างแบรนด์และมองเรื่องกลุ่มเป้าหมายใหม่เป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม ในปี 2023 บริษัทเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากความเคลื่อนไหวของแบรนด์ที่เริ่มออกสินค้าใหม่ๆ ทำให้การใช้งบโฆษณาเพิ่มขึ้น 6% โดยส่วนใหญ่อยู่ในช่องทางดิจิทัลและเอาต์ออฟโฮม และยิ่งหลังช่วงการเลือกตั้งจะเห็นว่าคนรุ่นใหม่เริ่มมีความสำคัญในการขับเคลื่อนแบรนด์อย่างมาก
ด้วยกลยุทธ์ทั้งหมดนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตในธุรกิจการสร้างประสบการณ์ ลูกค้า ที่ปรึกษาทางธุรกิจ และเฮลท์ เติบโตขึ้นเป็นเท่าตัว