วันนี้ (22 พฤศจิกายน) รังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีการเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มผู้ต้องขังจีนเทา ว่า ตอนนี้ตนไม่แน่ใจว่าประเทศไทยเกิดอะไรขึ้น ฝ่ายตำรวจก็มีปัญหาในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องสีเทา แม้กระทั่งราชทัณฑ์ ที่ถือเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการยุติธรรม
ทำให้เห็นว่าวันนี้ปัญหาใหญ่สำคัญของประเทศไทยคือกระบวนการยุติธรรมที่เต็มไปด้วยเรื่องทุจริต ถ้าไม่เร่งแก้ปัญหานี้ เราก็ไม่มีความพร้อมที่จะเข้าไปจัดการบรรดาทุนสีเทา ต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลประกาศสงครามกับทุนสีเทาและสแกมเมอร์ เมื่อมาดูบรรดาขุนพลและเจ้าหน้าที่รัฐของเราไม่มีความพร้อม มีการทุจริตทั่วทุกหนแห่ง จากเรือนจำกลายเป็นสรวงสวรรค์ เป็นสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น
รังสิมันต์กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเคยอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทราบดีว่ามีการเลือกปฏิบัติ มีนักโทษบางคนได้สิทธิพิเศษ แต่ ณ วันนี้มันเกินเลยไปมาก ไม่ใช่แค่สิทธิพิเศษธรรมดา แต่เป็นในระดับ Platinum จนสามารถเอาผู้หญิงหรือนางแบบต่างชาติเข้ามาบริการในเรือนจำได้ เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ต้องแก้ไข
รังสิมันต์กล่าวต่อว่า ต้องยอมรับว่าในคุก จากเดิมที่แย่อยู่แล้วก็แย่เข้าไปอีก ซึ่งส่วนตัวอยากให้เรื่องนี้มีการสอบสวนไม่ใช่แค่ในเฉพาะเจ้าหน้าที่ชุดปัจจุบัน แต่เกิดขึ้นมาหลายยุค ต้องเอาเส้นทางการเงินของเจ้าหน้าที่มาสอบทั้งหมด และนำไปสู่การอายัดทรัพย์ เพราะถือเป็นการกระทำที่เข้าความผิดมูลฐาน ควรใช้โอกาสนี้ในการล้างบางอย่างแท้จริง
ด้าน วิโรจน์ ลักษณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่ากลุ่มนักโทษดังกล่าวเป็นมาเฟียข้ามชาติ หรือกลุ่มจีนเทาที่เข้ามาทำธุรกิจฟอกเงิน สร้างอาณาจักรศูนย์เหรียญในไทย จนส่งผลกระทบให้ธุรกิจสุจริตของคนไทยอยู่ไม่ได้
วิโรจน์ระบุอีกว่า มาเฟียเหล่านี้เมื่อติดคุกแทนที่จะถูกลงโทษ กลับสามารถสร้างอาณาจักรในคุกได้อย่างสุขสบาย และอาจอยู่ในสถานะที่เหนือกว่าผู้บริหารเรือนจำด้วยซ้ำ ดังนั้นถ้ามีการสืบสวนสอบสวนขยายผลย้อนหลัง ก็ต้องย้อนตั้งแต่ในยุค คสช. ว่าทำไมจีนเทา มาเฟียข้ามชาติที่ชั่วช้าถึงไม่กลัวมาตรา 44
ทั้งนี้ เงินสกปรกจากแก๊งสแกมเมอร์ในไทยมีมูลค่าสูงถึงประมาณ 115,300 ล้านบาท ต่อปี และเงินเหล่านี้จำเป็นต้องถูกฟอกไปสร้างอาณาจักร เพื่อให้มีที่มาที่ไป ส่วนตัวมั่นใจว่าถ้าสืบดีๆ เป็นไปไม่ได้ที่ ผบ.เรือนจำจะให้มีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น อาจมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะลำพัง ผบ.เรือนจำจะกล้าทำหรือไม่
วิโรจน์ระบุอีกว่า เรามี พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่สามารถใช้ในการขยายผลการสืบสวนติดตามเส้นเงิน และอายัดทรัพย์ของข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ใช่แค่การตัดตอนจับเฉพาะผู้บัญชาการเรือนจำเท่านั้น และน่ากังวลว่า องค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองทางการเมือง ที่ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินของโลก การฟอกเงินของโลก จะติดบัญชีเทาและแบล็กลิสต์ให้กับกัมพูชาและไทย
“ถ้าเราตัดตอนเฉพาะแบบนี้ จับถึงคนไหนก็ตัดตอนที่คนนั้น เราจะสกัดกั้นทุนเทาข้ามชาติไม่ได้หรอก แสดงว่าประเทศเรามีกลไกปกป้องให้ทุนเทาข้ามชาติมาฟอกเงินได้ หากเป็นแบบนั้นชีวิตคนไทยจะแย่ กัมพูชาเป็นแหล่งสแกมเมอร์ ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งฟอกเงิน หากเปรียบสแกมเมอร์ที่กัมพูชาเป็นโจร เราคือคู่หูโจร ที่คอยเอาเงินจากโจรมาเก็บให้” วิโรจน์ระบุ


