×

ลาลีกา วินิซิอุส จูเนียร์ และปัญหาการเหยียดสีผิวที่ลุกลาม

22.05.2023
  • LOADING...

เป็นเวลา 10 นาทีในเกมที่เอสตาดิโอ เด เมสตายา ที่เกมการแข่งขันระหว่างบาเลนเซียและเรอัล มาดริดต้องหยุดลงเป็นการชั่วคราว

 

ในสนามปรากฏนักฟุตบอลดาวเด่นของทีม ‘ราชันชุดขาว’ อย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ ที่กำลังเดือดดาลถึงขีดสุดและชี้นิ้วไปยังใครสักคนที่อยู่บนอัฒจันทร์หลังจากที่ได้ยินคำพูดและเห็นการกระทำบางอย่างที่เป็นการดูถูกเหยียดหยามกัน และพยายามแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบ

           

ความจริงแล้วไม่ใช่เพียงแค่แฟนบอลคนเดียวที่พยายามทำแบบนั้นกับสตาร์ทีมชาติบราซิล เพราะมีแฟนฟุตบอล ‘โลส เช’ อีกเป็นจำนวนมากที่แสดงออกถึงการเหยียดสีผิวใส่ ‘วินิซิอุส’ แบบจงใจให้รู้

  

ตลอดฤดูกาล 2022/23 ‘วินิ’ เป็นนักฟุตบอลที่ถูกเหยียดสีผิวรุนแรงและบ่อยครั้งที่สุดโดยเฉพาะยามที่เรอัล มาดริดต้องออกไปเล่นเป็นทีมเยือน ซึ่งที่ผ่านมามีความพยายามจากทั้งตัวเขาและคนอื่นที่เรียกร้องให้ยุติการกระทำดังกล่าว

 

 

วินิ จูเนียร์ อดทนและอดกลั้นต่อเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่สุดท้ายแล้วความอดทนดังกล่าวก็ถึงขีดจำกัดจนมีการระเบิดอารมณ์ออกมาที่เมสตายา ซึ่งในช่วงท้ายเกมเขายังโดนใบแดงด้วย

           

เหตุการณ์ที่นำมาซึ่งคำถามสำหรับลาลีกา ในฐานะผู้จัดการแข่งขันและกำกับดูแล

 

พวกเขาจะปล่อยให้มีการเหยียดสีผิวแบบนี้อีกนานแค่ไหน?

 

สตาร์วัย 22 ปี ซึ่งเป็นนักเตะดาวรุ่งที่ได้รับการยกย่องว่าเก่งกาจที่สุดในโลกคนหนึ่งแสดงความเห็นบนโลกออนไลน์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ไม่ใช่ครั้งที่สอง และไม่ใช่ครั้งที่สามด้วย การเหยียดผิวกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วในลาลีกา รายการนี้มองมันเป็นเรื่องธรรมดา สหพันธ์ฟุตบอลคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา และมันก็ยิ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามยิ่งได้ใจมากขึ้น

 

“วันนี้รายการที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นรายการที่มี โรนัลดินโญ, โรนัลโด, คริสเตียโน และเมสซี ตอนนี้กลายเป็นรายการของพวกคนเหยียดผิวไปแล้ว”

 

เขายังออกมากล่าวอีกว่า “ถึงประเทศสเปนจะเป็นประเทศที่สวยงามและให้การต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น แต่ตอนนี้คงต้องยอมรับแล้วว่าที่นี่กำลังติดภาพของประเทศที่มีเรื่องการเหยียดสีผิว เป็นประเทศของคนเหยียดสีผิว”

 

 

 
 
 
 
 
View this post on Instagram
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

A post shared by Vinicius Jr. ⚡️🇧🇷 (@vinijr)

 

 

การออกมาพูดครั้งนี้ของ วินิ จูเนียร์ เป็นการพูดกระทบที่ค่อนข้างแรง แต่เป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ซึ่งทำให้มีเพื่อนนักฟุตบอล รุ่นพี่ ไปจนถึงอดีตนักฟุตบอลที่ออกมาร่วมปกป้องสตาร์ชาวบราซิลที่ตกเป็นเหยื่อที่น่าเห็นใจที่สุดในยุคที่หลายประเทศพยายามกำจัดการเหยียดสีผิวไปให้พ้นจากเกมฟุตบอลที่บริสุทธิ์

 

คีเลียน เอ็มบัปเป อีกหนึ่งซูเปอร์สตาร์ทีมชาติฝรั่งเศสซึ่งมีเชื้อสายแอฟริกันเช่นกันออกมาร่วมให้กำลังใจกับวินิผ่านการโพสต์บน Instagram ว่า “นายไม่ได้อยู่คนเดียว พวกเราอยู่ตรงนี้กับนาย”

           

เช่นเดียวกันกับรุ่นพี่ในทีมชาติบราซิลอย่างเนย์มาร์ที่ออกมาให้กำลังใจว่า “To Contigo” หรือ “พี่อยู่ข้างเอ็ง”

 

กำลังใจที่ยิ่งใหญ่ยังมาจากลูลา ประธานาธิบดีบราซิลที่ออกมาร่วมปกป้อง “เด็กหนุ่มที่น่าสงสาร เราไม่ควรปล่อยให้การเหยียดผิวเข้ามายึดครองสนามฟุตบอลแบบนี้”

           

ขณะที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ตำนานกองหลังทีมชาติอังกฤษได้ออกมาเรียกร้องให้ลาลีกา, สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (UEFA) และสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (FIFA) ควรจะออกมาจัดการอะไรเรื่องนี้ และปกป้องนักฟุตบอลอย่างวินิไม่ให้เป็นเป้าโจมตีของทีมฝ่ายตรงข้ามแบบนี้ เพราะตลอดมาสิ่งที่เห็นคือการที่ไม่มีใครมาทำอะไรเลย ปล่อยให้นักฟุตบอลต้องตกเป็นเป้าของความเกลียดชังในแบบที่น่ารังเกียจแบบนี้

 

ทางด้าน จานนี อินฟานติโน ประธาน FIFA เองออกมาแสดงจุดยืนด้วยการขอยืนข้าง วินิซิอุส จูเนียร์ และยืนยันว่าจะต้องไม่มีการเหยียดสีผิวในเกมฟุตบอลหรือในสังคมอีกต่อไป

 

 

อย่างไรก็ดี ทางด้านลาลีกา โดย ฆาเบียร์ เตบาส ประธานกลับออกมาตำหนิวินิ ว่าแทนที่จะออกมาตีโพยตีพายควรจะรู้จักให้ความร่วมมือกับทางการบ้าง

        

“ก่อนจะวิจารณ์และกล่าวหาลาลีกา เราคิดว่ามันเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณควรจะต้องแจ้งตัวเองให้ทำตัวอย่างเหมาะสมก่อน” เตบาสกล่าว

 

การออกมาโต้ตอบของเตบาสยิ่งเป็นเหมือนการราดน้ำมันบนกองไฟ เมื่อ วินิ จูเนียร์ ออกมาสวนกลับทันทีว่า “นี่อีกครั้งแล้วที่แทนที่คุณจะตำหนิคนที่เหยียดสีผิว แต่ประธานลาลีกากลับมาให้ความเห็นบนโซเชียลมีเดียด้วยการโจมตีผม”

 

ทิม วิคเกอรี ผู้สื่อข่าวที่ชำนาญฟุตบอลลาตินอเมริกา ออกมาเปิดเผยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นครั้งที่ 9 แล้วที่วินิซิอุสถูกเหยียดสีผิวในระหว่างเกมการแข่งขัน โดยที่ไม่มีผลตามมาสำหรับผู้ที่ก่อเหตุเลยแม้แต่ครั้งเดียว

           

จุดที่วิคเกอรีชี้ให้เห็นเพิ่มเติมคือแม้กระทั่งสโมสรต้นสังกัดอย่างเรอัล มาดริดก็ไม่ได้เทกแอ็กชันอย่างรวดเร็วมากพอ แทนที่จะทำตั้งแต่หลังจบเกมเมื่อคืนวันอาทิตย์ก็รอให้ถึงเช้าวันจันทร์ก่อนจึงค่อยดำเนินการส่งเรื่องดำเนินคดี ‘อาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง’​ (Hate Crim) ทั้งๆ ที่สามารถเทกแอ็กชันได้ทันทีไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบใดก็ตาม

 

และทั้งๆ ที่บราซิลกับสเปนเพิ่งจะมีการลงนามข้อตกลงกันในเรื่องของการจัดการปัญหาการเหยียดสีผิว แต่สุดท้ายวินิซิอุสก็กลายเป็นเหยื่อแค่คนเดียว และอดคิดไม่ได้ว่าเขากลายเป็น ‘ศัตรู’ อันดับหนึ่งสำหรับชาวสเปนที่ไม่ได้เชียร์ทีมเรอัล มาดริด เป็นเป้าใหญ่ที่สุดที่ใครก็สามารถเล่นงานอย่างไรก็ได้เพราะรู้ว่าจะไม่มีผลกระทบอะไรตามมา

 

 

เรื่องนี้จึงเป็นคำถามกลับไปยังคนที่กำกับดูแลอย่างลาลีกาว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจังหรือไม่ หรือจะปล่อยให้ปัญหานี้ลุกลามต่อไปในแบบนี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คนที่มีหน้าที่อย่างเตบาสจะต้องเป็นคนดำเนินการจัดการแก้ไขปัญหา หรืออย่างน้อยต้องตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดและหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ก่อน

           

หรือถ้ายอมปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ตามการเปิดเผยของวิคเกอรี วินิซิอุส มีโอกาส ‘พิจารณา’ ที่จะไม่อยู่กับเรอัล มาดริด แม้ว่าจะต่อสัญญาไปจนถึงปี 2027 ก็ตาม

 

นี่คือเรื่องใหญ่ที่สุดของลาลีกาในเวลานี้ ท่ามกลางการจับตามองของโลกฟุตบอลที่นาทีนี้ต้องแสดงจุดยืนที่หนักแน่นร่วมกัน

 

ไม่มีที่ว่างสำหรับคนเหยียดสีผิวในสนามอีกต่อไป

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising