โรงพยาบาลวิมุต ประกาศแผนธุรกิจเชิงรุกในโอกาสครบรอบ 4 ปี เดินหน้าสู่การเป็น ‘โรงพยาบาลเอกชนมิติใหม่’ ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี โดยชูการเปิด ‘ศูนย์สุขภาพปอดวิมุต’ เป็นกลยุทธ์สำคัญเพื่อตอบรับเมกะเทรนด์สุขภาพและปัญหามลพิษที่รุนแรง
ที่ต้องจับตามองคือการตั้งเป้าหมายเติบโต 40% ในปี 2568 อันเป็นการต่อยอดความสำเร็จจากปี 2567 ซึ่งโรงพยาบาลมีรายได้รวม 1,203 ล้านบาท เติบโตขึ้น 35% จากปีก่อนหน้า
การเติบโตนี้ยังสอดคล้องกับภาพรวมอุตสาหกรรมสุขภาพไทยที่ Report Linker คาดว่าจะเติบโต 5.3% ต่อปี สู่มูลค่ากว่า 880,500 ล้านบาทในปี 2573 จากปัจจัยหนุนด้านสังคมผู้สูงอายุและโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs)
การเปิดศูนย์สุขภาพปอดโดยเฉพาะ ถือเป็นการตอบสนองต่อ ‘วิกฤตมลพิษทางอากาศ’ ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยกรุงเทพฯ เคยติดอันดับเมืองที่มีคุณภาพอากาศแย่ที่สุดในโลก ขณะที่ไทยตรวจพบระดับฝุ่นอันตรายใน 58 จังหวัด ซึ่งเป็นภัยคุกคามโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ
ศูนย์แห่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับโรคระบบทางเดินหายใจที่ซับซ้อนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบระยะยาวจากโควิด, ไข้หวัดใหญ่ หรือปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เป็น ‘ภัยเงียบ’ ก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและเพิ่มความเสี่ยงโรคร้ายแรง โดยมีเทคโนโลยี EBUS เป็นเครื่องมือวินิจฉัยที่แม่นยำ
การลงทุนนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศ (Centers of Excellence) เพื่อดูแลกลุ่มโรค NCDs ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ โดยข้อมูลระบุว่าโรคกลุ่มนี้สร้าง ‘ผลกระทบทางเศรษฐกิจ’ สูงถึง 1.6 ล้านล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 9.7% ของ GDP ประเทศ
นายแพทย์สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่า “เราได้นำแนวโน้มสุขภาพโลกและในเมืองไทยมาพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อตอบโจทย์โรคเฉพาะทางที่ซับซ้อน โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่คร่าชีวิตคนไทยกว่า 400,000 รายต่อปี”
ทิศทางในอนาคตของวิมุตจึงมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมการรักษาที่ตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพสำคัญของประเทศ โดยวางตำแหน่งของโรงพยาบาลให้เป็นผู้ให้บริการสุขภาพคุณภาพสูง ในอัตราค่าบริการที่สมเหตุสมผล เพื่อสร้างความไว้วางใจในระยะยาว