ยอดขายเบียร์ในเวียดนามร่วง! จน Heineken ตัดสินใจปิดโรงเบียร์ในจังหวัดกว๋างนาม จากผลพวงเศรษฐกิจชะลอตัว รัฐบาลจ่อขึ้นภาษีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็น 100% บวกกับกฎหมายเมาแล้วขับเข้มงวดขึ้น ทำให้ผู้บริโภคดื่มเบียร์ลดลง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า Heineken ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่อันดับสองของโลก เตรียมปิดโรงเบียร์ในจังหวัดกว๋างนาม ประเทศเวียดนาม ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป หลังยอดจำหน่ายเบียร์ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ปัจจัยหลักๆ มีส่วนมาจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รัฐบาลจ่อขึ้นภาษี บวกกับกฎหมายเมาแล้วขับเข้มงวดมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคดื่มเบียร์ลดลง
Heineken ระบุว่า บริษัทได้ตัดสินใจปิดโรงเบียร์เป็นการชั่วคราว ซึ่งโรงเบียร์ที่ปิดไปนั้นเป็นโรงเบียร์ที่เล็กที่สุดจากโรงเบียร์ที่มีอยู่ทั้งหมด 6 แห่งในประเทศ ทั้งนี้ เพื่อลดต้นทุนค่าใช้จ่ายและเพิ่มความคล่องตัวและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน โดยพนักงานที่ได้รับผลกระทบบางส่วนจะถูกย้ายไปยังโรงเบียร์อื่นๆ ในเวียดนาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘Heineken’ ขายธุรกิจทั้งหมด รวมถึงโรงเบียร์ 7 แห่ง ให้กับ Arnest Group ในราคาประมาณ 1 ดอลลาร์
- ‘เบียร์ไร้แอลกอฮอล์’ ทางเลือกใหม่ของคนรักสุขภาพโตทั่วโลก ค่ายยักษ์ทุ่มทุนชิงส่วนแบ่งตลาด
- Heineken ยุติความร่วมมือกับ Kirin เตรียมกระจายสินค้าเองในญี่ปุ่น พร้อมปรับเป้าทำรายได้-กำไร ปี 2023
ยอดขายเริ่มลดลงมาตั้งแต่ปี 2023 ในครึ่งปีแรกยอดขายร่วงลงถึง 22% ส่งผลกระทบต่อภาพรวมบริษัท เพราะเวียดนามถือเป็นตลาดใหญ่ที่ทำรายได้ให้กับบริษัท โดย Heineken ดำเนินธุรกิจในเวียดนามผ่านบริษัท Heineken Vietnam ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับบริษัทท้องถิ่น Saigon Trading Group มาตั้งแต่ปี 1991 ปัจจุบันขึ้นเป็นผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่มานานกว่า 30 ปี
และแม้ก่อนหน้านี้บริษัทได้ลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเร่งเครื่องทำตลาดในเวียดนาม แต่ทิศทางตลาดเบียร์ในเวียดนามปี 2024 ก็ยังไม่ฟื้นตัว เห็นได้จากรายได้ในไตรมาสแรกของปี อัตราการบริโภคของกลุ่มวัยรุ่นยังถือว่าน้อย
พร้อมยังต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน โดยเฉพาะกระทรวงการคลังของเวียดนามเตรียมพิจารณาเพิ่มภาษีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็น 100% ภายในปี 2030 จากปัจจุบันเก็บภาษีอยู่ที่ 65% แน่นอนว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจกระทบธุรกิจเบียร์และสุราแน่นอน
อ้างอิง:
