วันนี้ (8 สิงหาคม) วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีได้รับการทาบทามจากพรรคเพื่อไทยแล้วหรือไม่ว่า การเชิญร่วมรัฐบาลขึ้นอยู่กับพรรคเพื่อไทย ไม่ได้อยู่ที่พรรคชาติไทยพัฒนาเพียงพรรคเดียว
ที่ผ่านมามีการพูดคุยกันในระดับหนึ่ง และก่อนโหวตนายกรัฐมนตรีครั้งต่อไปจะพูดคุยกันอีก ส่วนในรายละเอียดว่าจะพบปะพูดคุยกันเมื่อไรนั้น รอให้พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ส่งเทียบเชิญมา รอสัญญาณจากพรรคเพื่อไทยว่าจะนัดหมายอย่างไร ซึ่งถ้ามีการส่งสัญญาณมา พรรคชาติไทยพัฒนาก็พร้อมไปคุย
เมื่อถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนามีเงื่อนไขอย่างไร รวมถึงต้องการกำกับดูแลกระทรวงใด วราวุธกล่าวว่า สิ่งที่เคยพูดคุยกันไว้เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่พรรคเพื่อไทยนั้น เรายังยึดตามนั้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไม่แตะต้องกฎหมายอาญา มาตรา 112 เรื่องทัศนคติในการทำงานจะต้องมีพรรคที่ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน นโยบายเดียวกัน ทัศนคติต่อหลายเรื่อง เช่น ประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์จะต้องไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อถามว่าการแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยพูดชัดแล้วว่าไม่แตะต้องมาตรา 112 วราวุธกล่าวว่า นั่นเป็นสัญญาณที่ดี เพราะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
เมื่อถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนาต้องการดูแลกระทรวงใด หรือต้องการจะไปสานต่อแนวทางที่เคยทำไว้หรือไม่ วราวุธกล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนาได้มา 10 เสียง เราจะใช้เหตุผลและหลักการในการพูดคุยกัน คุยกันด้วยเหตุผล เราคงไม่ไปเรียกร้อง เพราะต้องการให้รัฐบาลมีความเข้มแข็ง เพราะจากนี้ไปทั้งเรื่องสภาพเศรษฐกิจและในอีกหลายมิติของประเทศไทยต้องการการฟื้นฟู ดังนั้นการทำงานของรัฐบาลที่มีความเข้มแข็งเป็นหัวใจสำคัญ ส่วนเรื่องการต่อรองกระทรวงค่อยไปว่ากันทีหลัง
เมื่อถามว่าโควตาที่พรรคชาติไทยพัฒนาควรจะได้คือ 1 รัฐมนตรีว่าการกระทรวง และ 1 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงใช่หรือไม่ วราวุธกล่าวว่า ต้องดูก่อนว่าเบ็ดเสร็จแล้วจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ฝั่งรัฐบาลมีเท่าไร และคิดออกมาเป็นสัดส่วนแล้วเป็นเท่าไร ดังนั้นจึงตอบตอนนี้ไม่ได้
เมื่อถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนาติดใจในเงื่อนไขเรื่องคุณสมบัติของ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ วราวุธกล่าวว่า ประเด็นนี้คงต้องให้เกียรติพรรคเพื่อไทยในการเสนอบุคคลเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะการที่แต่ละพรรคจะเสนอชื่อขึ้นมาคงได้พิจารณาคุณสมบัติมาเพียบพร้อมแล้ว ดังนั้นต้องให้เกียรติพรรคเพื่อไทยในการเสนอ พรรคชาติไทยพัฒนาให้เกียรติพรรคใหญ่
เมื่อถามว่าพรรคชาติไทยพัฒนายังย้ำจุดยืนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ให้มีการตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) หรือไม่ วราวุธกล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวพรรคชาติไทยพัฒนาได้พูดมาตั้งแต่นโยบายหาเสียงเลือกตั้งแล้ว เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ได้ฉบับปี 2540 ซึ่งเป็นต้นแบบให้ตั้ง สสร. ดังนั้นเมื่อพรรคเพื่อไทยแถลงการณ์ให้มี สสร. ขึ้นมา จึงถือว่ามีแนวทางชัดเจนและตรงกันกับพรรคชาติไทยพัฒนาที่เคยทำสมัย บรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม หัวใจสำคัญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พรรคชาติไทยพัฒนาเห็นว่าไม่ควรแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 เพราะถือว่าเป็นหมวดที่สำคัญอย่างยิ่ง เราจึงมีแนวคิดว่าไม่ควรไปแตะต้อง
