×

วราวุธยืนยัน 18 ก.ย. นี้ งบอุดหนุนเด็กแรกเกิดถึงมือ ย้ำเบี้ยผู้สูงวัยไม่ปรับลด ส่วนจะถึง 3,000 บาทหรือไม่ ต้องดูตามขั้นตอน

โดย THE STANDARD TEAM
13.09.2023
  • LOADING...
วราวุธ ศิลปอาชา

วันนี้ (13 กันยายน) วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดถึง 6 ปี ว่าวันนี้จะมีการเซ็นเอกสารด่วน ซึ่งเป็นหนึ่งในวาระที่ ครม. จะพิจารณาจะเซ็นเอกสารวาระจรเข้า ครม. เรื่องเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิด และได้กำชับปลัด พม. และทุกฝ่ายเร่งประสานงานกับเลขาฯ ครม., กรมบัญชีกลาง, สำนักงบประมาณ ซึ่งจะเร่งมือภายใน 24 ชั่วโมง เพราะถือเป็นหัวใจที่จะทำให้เงิน 600 บาทเข้าถึงกระเป๋าของประชาชนกว่า 2,254,000 ราย ในวันที่ 18 กันยายนนี้ ซึ่งในปีหน้าก็ได้กำชับกรมกิจการเด็กและเยาวชนให้เร่งดูงบประมาณ เพื่อที่จะไม่มีความล่าช้าเกิดขึ้นแบบนี้อีก โดยในช่วงบ่ายนี้คาดว่ามติ ครม. จะออกมา และขอให้สำนักเลขาฯ ครม. รีบส่งเรื่องไปที่ พม. 

 

วราวุธยืนยันว่า พม. ให้ความสำคัญกับคนทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราเด็กแรกเกิดในประเทศไทยยังค่อนข้างต่ำ ซึ่งต้องการให้มีอัตราเด็กแรกเกิดเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นการดูแลเด็กแรกเกิดจนถึง 6 ปี เป็นหัวใจสำคัญ นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญกับวัยสูงอายุที่มีประมาณ 22% ถือเป็นสังคมผู้สูงอายุสมบูรณ์แบบ ดังนั้นเด็กแรกเกิดและผู้สูงอายุเราให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และให้โอกาสกับประชาชนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผู้พิการทุกเพศทุกสถานะ

 

ส่วนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ วราวุธกล่าวว่า วันนี้ก็ยังเหมือนเดิม และไม่ได้แปลว่าอนาคตจะลดลง ส่วนโอกาสที่จะปรับขึ้นเป็น 3,000 บาทต่อเดือนหรือไม่นั้น หากเป็นไปตามขั้นตอนก็คงต้องดูถึงความเป็นไปได้กับงบประมาณประเทศ เพราะหากขึ้นถึง 3,000 บาทต่อคนได้ภายในปี 2570 เราจะต้องใช้งบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาทในการสนับสนุนงบ ในขณะที่ทุกวันนี้ใช้อยู่ประมาณกว่า 1 แสนล้านบาท การปรับเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุไม่ใช่ปรับจาก 1,000 บาท ไปเป็น 3,000 บาทเลย เรามีผู้สูงอายุอยู่ประมาณ 2,200,000 ราย ภายในปี 2570 คาดว่าจะมีสูงถึง 2,550,000 ราย ซึ่งหากจ่าย 3,000 บาทต่อคน ก็จะใช้งบกว่า 2 แสนล้านบาท ก็คงต้องดูสัดส่วนงบประมาณว่าพอถึงปี 2570 แล้วจะมีรายได้จัดเก็บอยู่เท่าไร สำหรับงบปี 2567 ที่ยังไม่อนุมัติจากสภานั้น ในเบื้องต้นเงินส่วนนี้อาจจะของบกลางก่อน

 

“มั่นใจว่าประชาชนคนไทยอยากได้รัฐสวัสดิการถ้วนหน้า แต่คงไม่อยากให้ประเทศไทยเป็นเหมือนบางเมืองในทวีปยุโรปที่มีการดีแคลร์สถานะล้มละลาย เนื่องจากมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ ทำให้ไม่สามารถมีงบมาพัฒนาเมืองได้ ซึ่งประเทศไทยมีความละเอียดอ่อน วันนี้ผู้เสียภาษีในประเทศไทยยังมีไม่ถึง 50% ดังนั้นก็ต้องคิดถึงค่าใช้จ่ายและข้อจำกัดที่จะใช้จ่าย ดังนั้นความเท่าเทียมก็เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องดูภาครายรับด้วยเช่นกัน” วราวุธกล่าว

 

นอกจากนี้ วราวุธยังได้ชี้แจงถึงกรณีที่ฝ่ายค้านหยิบยกทั้ง 2 ประเด็นดังกล่าวมาอภิปรายในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาเมื่อวานนี้ว่า เป็นเรื่องปกติที่ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ในการตรวจสอบ แต่ทั้งนี้ตนเองก็ได้ชี้แจงกับประชาชนและผู้ที่ได้รับผลกระทบในเรื่องดังกล่าวก่อนหน้านี้หลังเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่า การจ่ายเงินล่าช้า ติดขัด เนื่องจากติดปัญหาเรื่องช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ยังไม่มีอำนาจที่จะเบิกจ่ายงบประมาณจัดสรรให้กับผู้มีสิทธิได้ จึงล่าช้า

 

ทั้งนี้วราวุธได้เซ็นเอกสารเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดต่อหน้าผู้สื่อข่าว เพื่อยืนยันว่าจะมีการเร่งอนุมัติงบประมาณดังกล่าว

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising