แผนการจัดหาวัคซีนของไทยถูกปรับเพิ่มเติมขึ้นมาจาก 100 ล้านโดสในปี 2564 เป็น 150 ล้านโดสในปี 2565 โดยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม ศบค. เห็นชอบแผนการจัดหาวัคซีนจาก 100 ล้านโดส ภายในปี 2564 เพิ่มเติมเป็น 150 ล้านโดส ภายในปี 2565 โดยขณะนี้ประเทศไทยมีการจัดหาดำเนินการเจรจาจองวัคซีนแล้ว 105.5 ล้านโดส ประกอบด้วย AstraZeneca 61 ล้านโดส, Sinovac 19.5 ล้านโดส, Pfizer 20 ล้านโดส, Johnson & Johnson 5 ล้านโดส ดังนั้นประเทศไทยต้องเตรียมงบประมาณจัดหาจัดซื้อวัคซีนเพิ่มเติมให้ครบ 150 ล้านโดส โดยให้ภาครัฐจัดหาวัคซีนดังต่อไปนี้ วัคซีน Sinovac ประมาณ 28 ล้านโดส วัคซีนโควิด-19 อื่นๆ ประมาณ 22 ล้านโดส แต่ทั้งนี้ขึ้นกับผลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนและสถานการณ์ของเชื้อกลายพันธุ์
ขณะที่วัคซีน Sinopharm ล็อตแรกจำนวน 1 ล้านโดสที่จัดหาผ่านราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ให้องค์กรต่างๆ เป็นวัคซีนทางเลือก ถึงประเทศไทยแล้วเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน โดยเตรียมจัดสรรระยะที่ 1 ให้แก่องค์กรเอกชนที่แจ้งความประสงค์จัดสรรวัคซีนกว่า 5,000 องค์กร
ขณะที่วัคซีน Moderna ซึ่งโรงพยาบาลเอกชนต้องจัดซื้อผ่านองค์การเภสัชกรรม รายงานข่าวแจ้งว่า องค์การเภสัชกรรมเตรียมทำสัญญาจัดซื้อวัคซีน Moderna ต้นเดือนสิงหาคมนี้ คาดว่าล็อตแรกจะเข้ามา 5 ล้านโดสในเดือนตุลาคมนี้
ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร
อ้างอิง: