วันนี้ (28 สิงหาคม) ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พรรคสร้างอนาคตไทย นำโดย อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยผู้ร่วมก่อตั้งพรรคและคณะผู้บริหารพรรค จัดแถลงข่าวเปิดยุทธศาสตร์ ‘เราพร้อม เปลี่ยนอนาคตประเทศไทย’ โดยเปิดตัวกองทุนสร้างอนาคตไทย ซึ่งเป็นนโยบายแรกของพรรค ที่จะใช้เป็นเครื่องมือแก้วิกฤต ฟื้นเศรษฐกิจ และสร้างอนาคตให้กับประเทศชาติและประชาชน
อุตตมกล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาอุปสรรคหนักหน่วงรอบด้าน ปัญหาเหล่านั้นกำลังเป็นตัวบั่นทอนความหวังของคนไทย โดยเฉพาะการเมืองที่เป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์และอำนาจของบางกลุ่ม ไม่คำนึงถึงประชาชนที่กำลังเดือดร้อน การเมืองคือจุดเริ่มต้นของกงล้อขับเคลื่อนทิศทางประเทศ รวมทั้งเศรษฐกิจความเป็นอยู่ของประชาชน แต่การแก้ไขปัญหาของรัฐวันนี้ถือว่าคลุมเครือ บั่นทอนประชาชน
สำหรับพรรคสร้างอนาคตไทยได้ประกาศตัวว่าจะเป็นพรรคที่เข้ามาแก้วิกฤตของประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ในวันนี้พรรคจึงขอประกาศขับเคลื่อนแนวนโยบายคู่ขนานที่สำคัญคือ 5 แก้ไข ได้แก่
- หยุดการคอร์รัปชันทุกรูปแบบ
- การปราบปรามยาเสพติด
- ลดการผูกขาด เพิ่มการแข่งขัน
- เพิ่มประสิทธิภาพและลดขนาดภาคราชการ ลดการบริหารแบบรวมศูนย์ ลดขั้นตอนราชการ และ
- ยกระดับภาคการเกษตรให้ทันสมัย ปรับปรุงภาคเศรษฐกิจที่ล้าสมัย
นอกจากนั้นยังมี 5 สร้าง ได้แก่
- สร้างเศรษฐกิจฐานราก
- สร้างภาคเศรษฐกิจใหม่
- สร้างสังคมที่เกื้อกูล
- สร้างคนและโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมก้าวสู่สังคมยุคใหม่ และ
- สร้างการเมืองที่สร้างสรรค์
ซึ่งถือเป็นแนวทางที่จะรีเซ็ตวิกฤตและสร้างอนาคตของประเทศไทย
อุตตมกล่าวต่ออีกว่า โจทย์ที่พรรคพร้อมจะแก้ไขมี 2 เร่ง คือเร่งแรก เร่งรัดแก้ไขปัญหาหนี้สินทุกประเภท และเร่งที่สองคือ เร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้มีศักยภาพและทันโลก เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยใช้กลไกกองทุนสร้างอนาคตไทยวงเงิน 3 แสนล้านบาท โดยแบ่งเป็นกองทุนคนตัวเล็ก จำนวน 1 แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบและปรับโครงสร้างหนี้ พักชำระหนี้เบ็ดเสร็จอย่างน้อย 5 ปี พร้อมทั้งปรับปรุง ปรับเปลี่ยน เสริมสร้างอาชีพ และเติมทุนใหม่
“ส่วนจำนวนเงินอีก 2 แสนล้านบาท จะเป็นกองทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างอนาคตประเทศไทย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากจากการชะงักงัน สร้างเศรษฐกิจยุคใหม่สู่อนาคตประเทศไทยแห่งความเท่าเทียมและยั่งยืน เสริมนวัตกรรม เร่งสร้างสตาร์ทอัพ พัฒนาเกษตรกรรมยุคใหม่และท่องเที่ยวชุมชน” อุตตมกล่าว
ด้านสนธิรัตน์กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันว่า วันนี้การเมืองไทยติดหล่มอยู่กับการแสวงหาอำนาจเพื่อประโยชน์พวกพ้องของนักการเมือง มุ่งแต่แสวงหาอำนาจเพื่ออำนวยผลประโยชน์พวกพ้อง โดยไม่ได้ทุ่มเทการทำงานเพื่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนและการพัฒนาประเทศ ให้สมกับคำว่าผู้แทนราษฎรหรือตัวแทนของพี่น้องประชาชน จึงทำให้เศรษฐกิจของประเทศติดหล่ม ประเทศไม่ได้รับการพัฒนา ย่ำอยู่กับที่ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม
ซึ่งเกิดความเหลื่อมล้ำทั้งด้านสิทธิพื้นฐานในสังคมและการประกอบธุรกิจของคนตัวเล็กตัวน้อย เกิดการคอร์รัปชันที่เลวร้ายที่สุดในประวัติกาล ประชาชนคนไทยเผชิญกับภาวะหนี้สินครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้น เป็นหนี้นอกระบบเป็นจำนวนมาก ซึ่งในวันนี้พรรคสร้างอนาคตไทยมองว่าหากปล่อยให้ประเทศเลวร้ายลงไป อาจจะต้องก้าวสู่ความล่มสลายเหมือนหลายประเทศก็เป็นได้
สนธิรัตน์กล่าวต่อไปว่า การเมืองวันนี้เป็นการเมืองที่เกิดการกัดกร่อนทางความศรัทธา เป็นเพียงการเมืองที่มีเสถียรภาพของเสียงในสภา แต่ไม่มีเสถียรภาพทางการบริหารบ้านเมือง ติดอยู่ภายใต้เงาของอำนาจที่แตกแยก ทำให้ประชาชนหมดหวัง ขาดความมั่นใจต่อนักการเมืองที่บริหารประเทศ ขณะเดียวกัน ประเทศเผชิญวิกฤตรอบด้าน ทั้งโควิดไม่จบและยังไม่เปิดโอกาสต่อการเดินหน้าของประชาชน ในวันนี้เป็นปลายสมัยของรัฐบาล จะเห็นได้ว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันแทนที่จะมุ่งเน้นการบริหารประเทศ แต่กลับบริหารจัดการมุ่งเน้นไปสู่การเตรียมการเลือกตั้งมากกว่า เราจึงอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงจากผลกระทบทางการเมืองในปัจจุบัน