The Wall Street Journal รายงานว่า ข่าวกรองสหรัฐฯ ที่รวบรวมมาแสดงให้เห็นว่าเหตุระเบิดนองเลือดที่โรงพยาบาลในฉนวนกาซาที่เป็นเหตุให้มีคนเสียชีวิตเกือบ 500 คนนั้น มีสาเหตุมาจากกลุ่มติดอาวุธญิฮาดอิสลามปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา โดยก่อนหน้านี้ปาเลสไตน์ได้ประณามอิสราเอลว่าเป็นผู้ก่อเหตุ ขณะที่อิสราเอลก็ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และชี้ความผิดไปที่กลุ่มติดอาวุธ
เจ้าหน้าที่กลาโหมหลายคนระบุว่า การประเมินของวอชิงตันที่ว่าอิสราเอลไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลนั้น ส่วนหนึ่งได้มาจากการดักฟังการสื่อสาร รวมไปถึงข่าวกรองอื่นๆ ที่สหรัฐฯ รวบรวมได้
“จากการประเมินในปัจจุบันของเรา ซึ่งอิงจากการวิเคราะห์ภาพเหนือศีรษะ การดักฟัง และข้อมูลเปิด ระบุได้ว่าอิสราเอลไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดที่โรงพยาบาลในฉนวนกาซา” เอเดรียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวกล่าว พร้อมเสริมว่าสหรัฐฯ จะยังคงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป
ด้านแกนนำพรรครีพับลิกันและเดโมแครตในคณะกรรมาธิการข่าวกรองของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่า พวกเขาได้รับฟังบรรยายสรุปข่าวกรองที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด และสรุปว่าเหตุระเบิดดังกล่าวไม่ได้เกิดจากปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอล
ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวระหว่างการเยือนอิสราเอลว่า “จากสิ่งที่ผมได้เห็นมา ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะเป็นฝีมือของอีกฝ่าย” โดยอ้างถึงข้อมูลที่เขาได้รับจากเพนตากอน
สำหรับสาเหตุของการระเบิดและจำนวนผู้เสียชีวิตยังไม่สามารถตรวจสอบยืนยันได้ ณ ขณะนี้ อย่างไรก็ดี ยอดผู้เสียชีวิตซึ่งมีรายงานว่าอยู่ที่เกือบ 500 คนจะทำให้เหตุการณ์นี้กลายเป็นเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซามากที่สุดในคราวเดียวนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซา ซึ่งบริหารโดยกลุ่มฮามาส ระบุว่า เหตุระเบิดที่โรงพยาบาลคร่าชีวิตผู้คนไป 471 คน
ก่อนหน้านี้อิสราเอลได้ออกมาปฏิเสธว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่ฝีมือของตน แต่เกิดจากการยิงจรวดที่ผิดพลาดของฮามาส
พล.ร.ท. แดเนียล ฮาการี หัวหน้าโฆษกกองทัพอิสราเอล กล่าวในการแถลงข่าวว่า อิสราเอลไม่ก่อเหตุโจมตีในบริเวณโรงพยาบาล และการระเบิดดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการยิงจรวดที่ผิดพลาด โดยอ้างถึงการดักฟังเสียงสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฮามาส 2 คน ซึ่งกล่าวว่าจรวดดังกล่าวถูกยิงโดยกลุ่มติดอาวุธจากลานจอดรถใกล้โรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม กลุ่มฮามาสปฏิเสธข้อกล่าวหาของอิสราเอล รวมถึงกลุ่มญิฮาดอิสลาม (PIJ) ก็ปฏิเสธเช่นกัน โดยอ้างว่าอิสราเอลได้สั่งให้ชาวปาเลสไตน์อพยพออกจากโรงพยาบาล และอ้างว่าก่อนหน้านี้อิสราเอลก็เคยโจมตีรอบบริเวณโรงพยาบาลมาแล้ว
ฮามาสกล่าวหาด้วยว่าอิสราเอลต้องการ ‘หลบเลี่ยงความรับผิดชอบจากการสังหารหมู่อันโหดร้ายที่ตนได้ก่อขึ้น’ และระบุว่าข้อกล่าวหาของอิสราเอลที่ว่าฮามาสอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ระเบิดโรงพยาบาลนั้น ‘เป็นเท็จและไม่มีมูลความจริง’ นอกจากนี้ฮามาสยังเรียกเหตุการณ์ดังกล่าวว่าเป็น ‘การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์’ พร้อมทั้งโจมตีสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกที่สนับสนุนอิสราเอล
ด้าน ริยาด มานซูร์ ทูตปาเลสไตน์ประจำสหประชาชาติ กล่าวหาอิสราเอลว่าเป็นผู้ก่อเหตุ “พวกเขาพยายามเปลี่ยนเรื่องเพื่อโทษปาเลสไตน์ มันเป็นเรื่องโกหก” เขากล่าวระหว่างแถลงข่าวที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (17 ตุลาคม)
ข้อกล่าวหาของปาเลสไตน์ที่ว่าอิสราเอลต้องรับผิดชอบต่อเหตุระเบิดดังกล่าวนั้นได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้นำชาติอาหรับ ขณะที่มีการประท้วงต่อต้านอิสราเอลเกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วภูมิภาค โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (18 ตุลาคม) ผู้ประท้วงได้ออกมารวมตัวกันตามท้องถนนในอิหร่าน, จอร์แดน, คูเวต, อียิปต์, ตูนิเซีย รวมถึงในเขตเวสต์แบงก์ ขณะที่ในเลบานอนและอิรัก ผู้ประท้วงพยายามฝ่าแนวกั้นเพื่อเคลื่อนขบวนไปที่สถานทูตสหรัฐฯ และฝรั่งเศส พร้อมร้องตะโกนว่า “อเมริกาจงพินาศ” และ “อิสราเอลจงพินาศ”
ทั้งนี้ อิสราเอลได้แจ้งเตือนให้โรงพยาบาลทางตอนเหนือของฉนวนกาซาอพยพผู้คนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่โรงพยาบาลเพิกเฉยต่อคำเตือน โดยให้เหตุผลว่าโรงพยาบาลทางตอนใต้ของฉนวนกาซามีเตียงไม่เพียงพอที่จะรองรับผู้ป่วย อีกทั้งไม่สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจำนวนมากไปตามถนนที่ได้รับความเสียหายหรือถูกกีดขวางด้วยเศษซากจากการสู้รบ นอกจากนี้ชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยทางตอนเหนือและไม่ยอมอพยพลงใต้ตามคำเตือนของอิสราเอล พากันเข้าไปหลบภัยในโรงพยาบาล เพราะเชื่อว่าพวกเขาจะปลอดภัยจากการถูกโจมตี
ด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานการโจมตีสถานพยาบาลในพื้นที่ดังกล่าว 48 ครั้ง นับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม โดยมีโรงพยาบาล 6 แห่งได้รับความเสียหาย
ภาพ: Belal Khaled / Anadolu via Getty Images
อ้างอิง: