วานนี้ (2 กุมภาพันธ์) กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีเหนือระบุว่า การซ้อมรบร่วมของสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรได้ผลักดันสถานการณ์เข้าใกล้ ‘เส้นตาย’ และเสี่ยงที่จะทำให้คาบสมุทรเกาหลีกลายเป็น ‘คลังสรรพาวุธขนาดยักษ์ และเขตสงครามที่มีความอันตรายอย่างมาก’
สำนักข่าว KCNA ของรัฐบาลเกาหลีเหนือ รายงานแถลงการณ์จากกระทรวงการต่างประเทศ โดยระบุว่า เกาหลีเหนือไม่สนใจจะร่วมโต๊ะเจรจา หากสหรัฐฯ ยังคงดึงดันดำเนินนโยบายที่เป็นปรปักษ์กับชาติ
“สถานการณ์ทางทหารและการเมืองบนคาบสมุทรเกาหลีและในภูมิภาคนี้ถึงขีดขั้นรุนแรงแล้ว เนื่องจากการซ้อมรบที่เต็มไปด้วยความประมาท และการกระทำที่เป็นปรปักษ์ของสหรัฐฯ”
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวได้ออกมาปฏิเสธถ้อยแถลงของเกาหลีเหนือ พร้อมย้ำด้วยว่า สหรัฐฯ ยินดีที่จะพบปะกับนักการทูตของเกาหลีเหนือในเวลาและสถานที่ที่ฝ่ายเกาหลีเหนือสะดวก
“เราได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าเราไม่มีเจตนาที่ไม่เป็นมิตรต่อเกาหลีเหนือ อีกทั้งยังได้มองหาแนวทางทางการทูตที่จริงจังและยั่งยืน เพื่อจัดการกับข้อกังวลของทั้งสองประเทศและภูมิภาค” โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวกล่าว
ท่าทีที่แข็งกร้าวของเกาหลีเหนือมีขึ้น หลัง ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนเกาหลีใต้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (31 มกราคม) โดยทั้งสองประเทศให้คำมั่นว่าจะขยายการซ้อมรบร่วมให้มีความครอบคลุมมากกว่าเดิม และจะมีการใช้ทรัพยากรทางทหารมากขึ้น เช่น เรือบรรทุกเครื่องบิน และเครื่องบินทิ้งระเบิดระยะไกล เพื่อตอบโต้การพัฒนาอาวุธของเกาหลีเหนือ และป้องกันไม่ให้เกิดสงครามขึ้น
“นี่เป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนถึงสถานการณ์อันตรายของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลให้คาบสมุทรเกาหลีกลายเป็นคลังสรรพาวุธขนาดยักษ์ และเขตสงครามที่มีความอันตรายอย่างมาก” อีกทั้งยังย้ำด้วยว่าเกาหลีเหนือจะตอบโต้ความเคลื่อนไหวทางทหารของสหรัฐฯ รวมถึงจะใช้ ‘กองกำลังนิวเคลียร์’ หากจำเป็น
อนึ่ง เมื่อปีที่ผ่านมาเกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบขีปนาวุธจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ ซึ่งถือเป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อีกทั้งยังมีการเปิดสถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์อีกครั้ง ทำให้มีกระแสคาดการณ์ว่า เกาหลีเหนืออาจทำการทดสอบนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017 ในอีกไม่ช้า
ด้าน พัคจิน รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีใต้ ได้เดินทางเข้าพบกับ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (UN) ในสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ และเรียกร้องให้ UN ให้ความสนใจต่อการยั่วยุของเกาหลีเหนือ พร้อมดำเนินการคว่ำบาตรเพิ่มเติม โดยกูเตอร์เรสกล่าวว่า หากเกาหลีเหนือกลับมาทดสอบนิวเคลียร์อีกครั้ง ก็จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความมั่นคงในภูมิภาคและในระดับโลก พร้อมให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนบนคาบสมุทรเกาหลี
ภาพ: Chung Sung-Jun / Getty Images
อ้างอิง: