×

เศรษฐกิจอเมริกาน่ากังวล ดึงราคากระเป๋าในตลาดขายต่อลดลงตามไปด้วย

17.02.2023
  • LOADING...
เศรษฐกิจสหรัฐฯ

จะเรียกว่าอยู่ในช่วงหมดโปรโมชันก็ว่าได้ สำหรับตลาดมือสองที่ราคาเริ่มปรับตัวลดลงอย่างที่ได้ยินข่าวในแวดวงนาฬิกาหรูมือสองในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ส่วนเมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์ขายต่อแบรนด์เนมชื่อดังในสหรัฐอเมริกาอย่าง The RealReal ก็เปิดเผยข้อมูลว่ากระเป๋าแบรนด์เนมแบรนด์ท็อปฮิตราคาก็ปรับตัวลดลงด้วยเช่นกัน 

 

ในปี 2020 กระเป๋าหรูเคยมีศักยภาพการลงทุนแซงหน้างานศิลปะหายาก รถยนต์ และวิสกี้ ตามรายงานของ Art Market Research และทำราคาได้ดีตลอดช่วงการแพร่ระบาดของโควิด โดยคาดว่าตลาดขายต่อจะมียอดขายสูงถึง 8.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ภายในปี 2026 เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าจาก 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2022  


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


อย่างไรก็ตาม ด้วยภาวะเงินเฟ้อ การปลดพนักงานจากองค์กรใหญ่ๆ และความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ผู้ซื้อเริ่มมองหาสินค้าที่ราคาย่อมเยาลง ทำให้ราคาแบรนด์หรูหลักๆ ในตลาดมือสองในอเมริกาเริ่มปรับตัวลดลงจากปีก่อนๆ ทั้ง Hermès, Gucci และ Louis Vuitton

 

ตามรายงานการฝากขายสินค้าหรูหราประจำปี 2023 ของ The RealReal ราคาขายต่อกระเป๋า Louis Vuitton ลดลง  20%, Gucci 17%, Hermès 10% และ Chanel 9% ในช่วง 90 วันที่ผ่านมา โดยเฉลี่ยแล้วมูลค่าการขายต่อกระเป๋าหรูระดับไฮเอนด์จากแบรนด์เหล่านี้ลดลง 5% ในช่วง 6 เดือนมานี้ 

 

ซีอีโอร่วมและประธานของ The RealReal ให้ความเห็นว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอย วิกฤตสภาพอากาศ และความไม่สงบทั่วโลก เป็นสาเหตุที่ทำให้ในปีนี้ผู้บริโภคตัดสินใจจับจ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น และราคากลายเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อ อย่างไรก็ตาม เมื่อมองหาสินค้าราคาถูกลง ผู้ชื้อก็มีแนวโน้มยอมรับสภาพสินค้าที่มีสภาพด้อยลงตามไปด้วย 

 

รายงานระบุว่า สินค้า ‘สภาพพอใช้’ มีความต้องการเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า เช่น มีร่องรอยตามมุมหรือมีรอยขีดข่วนบ้าง โดยสินค้าสภาพพอใช้ที่ขายใน The RealReal มีราคาถูกกว่าสินค้าสภาพที่ดีหรือดีเยี่ยมโดยเฉลี่ย 33%

 

อีกหนึ่งข้อสังเกตก็คือผู้ซื้อรุ่น Millennial และ Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ซื้อหลักของสินค้ามือสอง กำลังสนใจแบรนด์ที่มีราคาย่อมเยา เช่น Miu Miu, Bottega Veneta และ Telfar แทนการลงทุนจากแบรนด์หรูระดับท็อป

 

นอกจากนี้เทรนด์ Y2K ยังเป็นเทรนด์ฮิตจากการค้นหาบน The RealReal สไตล์เสื้อผ้าและกระเป๋าจากยุคนั้นกลายเป็นที่ต้องการของคนรุ่นใหม่ อย่างเช่นกระเป๋าบางรุ่นที่กลับมาฮิตอีกครั้ง เช่น Fendi Baguette หรือ Dior Saddle รวมถึงเดรสเฟมินีน รองเท้าส้นเตี้ย รองเท้าโลฟเฟอร์ เข็มกลัด และเครื่องประดับมุก โดยเฉพาะไข่มุกซึ่งมีราคาถูกกว่าเพชร แต่มีค่าและคลาสสิกคล้ายๆ กัน 

 

ในขณะที่ Rebag อีกหนึ่งเว็บไซต์ขายต่อชื่อดังของอเมริกา รวบรวมข้อมูลในเว็บไซต์ และแนะนำกระเป๋าที่มีมูลค่าในตลาดขายต่อที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้ 

 

Telfar 195%

 

 

แม้จะเพิ่งก่อตั้งในปี 2005 แต่เพราะผลิตในจำนวนจำกัดและเป็นที่ต้องการสูง ผนวกกับคนดังระดับโลกทั้ง Dua Lipa, Oprah Winfrey และ Beyoncé เลือกใช้ ทำให้กระเป๋า Telfar มีมูลค่าในการขายต่อเฉลี่ย 195% ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของราคาขายปลีก ที่สำคัญคือเป็นกระเป๋าราคาสัมผัสได้ และใส่ใจเรื่องความยั่งยืน จึงกลายเป็นกระเป๋าขวัญใจ Gen Z ในยุคปัจจุบัน 

 

Hermès Birkin Sellier 226%

 

 

แบรนด์หรูของฝรั่งเศสสามารถรักษามูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 103% โดยกระเป๋า Birkin รักษามูลค่าเฉลี่ยที่ 96% ในขณะที่ Kelly มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 108% ส่วน Birkin Sellier ที่ขึ้นชื่อเรื่องหายาก อาจรักษามูลค่าได้สูงถึง 226%

 

Louis Vuitton x NBA Ball in Basket Bag 147%

 

 

มูลค่าโดยเฉลี่ยตลาดขายต่อของแบรนด์อยู่ที่ 92% ในขณะที่บางรุ่นที่ผลิตมาในจำนวนจำกัด หรือวางจำหน่ายในช่วงสั้นๆ อย่างเช่น กระเป๋า Nigo Keepall Bandoulière อาจจะมีมูลค่าเฉลี่ย 119% ในขณะที่ Louis Vuitton x NBA Ball in Basket Bag มีการเก็บรักษาตามมูลค่าเฉลี่ย 147%

 

Chanel Tote Deauville Tote 112%

 

 

มูลค่าการขายต่อของกระเป๋า Chanel เพิ่มขึ้นเป็น 12% ในปีที่ผ่านมา โดยรักษามูลค่าเฉลี่ยของแบรนด์อยู่ที่ 87% และหลายๆ รุ่นเกิน 100% อย่างเช่นกระเป๋า Tote Deauville Tote 112% และ Grand Shopping Tote 110%

 

Mini Editions 

 

 

รุ่นมินิจากแบรนด์ต่างๆ มักผลิตในจำนวนน้อย จึงมีความต้องการสูง ทำให้มูลค่าตลาดรองเพิ่มขึ้น เช่น Louis Vuitton Speedy Mini HL มีมูลค่า 201% เมื่อขายต่อ ในขณะที่ Fendi Micro Baguette แบบวินเทจรักษามูลค่าได้ที่ 149% ของมูลค่าการขายปลีกในตลาดรอง

 

*แสดงผลมูลค่าตลาดในอเมริกาจากการเก็บข้อมูลผ่านเว็บไซต์ Rebag  

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising