แม้จำนวนการฉีดวัคซีนในสหรัฐอเมริกาจะมีจำนวนกว่า 200 ล้านโดส และครอบคลุมประชากรเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมด แต่นักวิชาการหลายคนก็ยังคาดการณ์ว่าเป็นไปได้ยากที่อเมริกาจะสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ได้ด้วยจำนวนแค่นี้ ทางรัฐบาลจึงผุดแคมเปญสร้างแรงจูงใจดึงคนฉีดเยอะที่สุด ถ้าคุณคิดว่าแคมเปญที่ว่าเป็นเพียงการรณรงค์ว่าฉีดวัคซีนแล้วดีแบบนั้นดีแบบนี้ เราบอกเลยว่าคุณคิดผิด
รัฐนิวเจอร์ซีย์นำเสนอแคมเปญ ‘A Shot & Beer’ แก่ชาวเมืองที่ได้รับวัคซีนเข็มแรกในเดือนพฤษภาคม ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถนำหลักฐานการตรวจไปเยี่ยมชมโรงเบียร์ที่เข้าร่วมโครงการของรัฐได้ ดีทรอยต์ เมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐมิชิแกน แจกเงิน 50 ดอลลาร์ให้แก่ทุกคนที่ขับรถพาคนในบ้านไปฉีดวัคซีน โดยจะพากี่รอบก็ได้ เท่าไรก็ได้ แต่ถ้ามีรายได้เกิน 600 ดอลลาร์ขึ้นไป จะต้องกรอกแบบฟอร์ม W-9
โฮแกนจากพรรครีพับลิกันกล่าวในแถลงการณ์ว่า “สิ่งจูงใจเช่นนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งในการตอกย้ำความสำคัญของการได้รับวัคซีน และเราขอสนับสนุนให้ธุรกิจต่างๆ ทั่วทั้งรัฐพิจารณาเสนอสิ่งจูงใจให้กับคนงานของพวกเขาด้วย วัคซีนเหล่านี้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ไม่เสียค่าใช้จ่าย และพร้อมให้บริการโดยนัดหมายหรือไม่ก็ได้”
และไม่ใช่เพียงแต่สองรัฐที่ออกนโนบายเชิญชวนให้ประชาชนมาฉีดวัคซีน แต่ในรัฐอื่นๆ และเมืองอื่นในสหรัฐฯ ก็ออกแคมแปญจูงใจมากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นรัฐแมริแลนด์ พนักงานรัฐที่ฉีดวัคซีนจะได้รับเงิน 100 ดอลลาร์ หรือในลอสแอนเจลิส สมาชิกสภาเทศบาลเมืองและศูนย์ศิลปวัฒนธรรมเสนอผลิตผลฟรีหนึ่งถุงให้แก่ทุกคนที่เข้าชมสถานที่ฉีดวัคซีน
“มนุษย์เรามักตอบสนองได้ดีกับแครอตมากกว่าแท่งไม้ธรรมดา” ดร.เมแกน แรนนีย์ แพทย์ฉุกเฉินแห่งมหาวิทยาลัยบราวน์ในโรดไอแลนด์กล่าว
“แคมเปญการฉีดวัคซีนจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อพวกเขาใช้ภาษาที่ไม่ได้บ่งบอกถึงสำนึกในหน้าที่หรือภาระผูกพันที่จะต้องได้รับการฉีดวัคซีน”
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: