กระทรวงการต่างประเทศ เผยแพร่แถลงการณ์ ชี้แจงกรณีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศนโยบายจำกัดวีซ่าสำหรับเจ้าหน้าที่และอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาล ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์ 40 คน กลับไปยังประเทศจีน
โดยกระทรวงการต่างประเทศ ระบุคำชี้แจง 2 ข้อ ได้แก่
- รัฐบาลไทยรับทราบนโยบายของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ประกาศเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฝ่ายไทยได้รับคำยืนยันจากรัฐบาลจีนเกี่ยวกับการให้ความปลอดภัยชาวอุยกูร์ และจะติดตามความเป็นอยู่ของกลุ่มบุคคลดังกล่าวต่อไป โดยไทยได้แถลงทำความเข้าใจกับประเทศที่มีความห่วงกังวลในเรื่องนี้ไปแล้วในหลายโอกาส ทั้งนี้ ไทยได้ดำเนินการตามหลักมนุษยธรรมที่ได้ยึดมั่นมาโดยตลอด ซึ่งรวมถึงการดูแลผู้หนีภัยจากเหตุการณ์ในประเทศต่าง ๆ มายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ และไทยยังคงจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเหล่านี้ต่อไป
- ไทยให้ความสำคัญกับความเป็นพันธมิตรทางสนธิสัญญากับสหรัฐฯ ที่มีความใกล้ชิดกันมายาวนาน ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของการเคารพซึ่งกันและกัน และมีผลประโยชน์ทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญร่วมกัน ทั้งในระดับทวิภาคีและระดับภูมิภาค
ทั้งนี้ นโยบายจำกัดวีซ่าดังกล่าว เป็นไปตามมาตรา 212(a)(3)(C) แห่งรัฐบัญญัติตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติของสหรัฐฯ (Immigration and Nationality Act) และอนุญาตให้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ดำเนินการตามข้อจำกัดเกี่ยวกับวีซ่า กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบันหรือในอดีต ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต่อ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันชาวอุยกูร์หรือชนกลุ่มน้อยทางชาติพันธุ์หรือศาสนากลุ่มอื่นที่อาจไม่ได้รับความคุ้มครองกลับประเทศจีน สมาชิกครอบครัวบางคนของบุคคลดังกล่าวอาจอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
ขณะที่ กัณวีร์ สืบแสง ส.ส.พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดีย ชี้ว่ามาตรการ Travel Ban ของรัฐบาลสหรัฐฯ ถือเป็นการตอบสนองจากต่างประเทศต่อการตัดสินใจที่ไร้ซึ่งจุดยืนทางการทูตตามหลักสากลของไทย
โดยกัณวีร์ ระบุว่า มาตรการ Travel ban ส่วนใหญ่จะใช้กับกลุ่มก่อการร้าย กองกำลังชนกลุ่มน้อยหัวรุนแรง และ เจ้าหน้าที่รัฐเผด็จการต่างๆ พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่า ตอนนี้ผู้บริหารรัฐบาลและข้าราชการของไทย โดนลดระดับลงไปอยู่กลุ่มเดียวกันเรียบร้อยแล้ว
อ้างอิง: