ทางการสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรและฟ้องริบทรัพย์สินของเฉิน จื้อ นักธุรกิจเชื้อสายจีนสัญชาติกัมพูชาวัย 38 ปี ผู้ก่อตั้งและประธานกลุ่มบริษัท Prince Group ในฐานะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และเครือข่ายสแกมเมอร์รายใหญ่ในกัมพูชา จากการดำเนินธุรกิจเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติผ่านการหลอกลวงลงทุนทางออนไลน์ รวมถึงฟอกเงินและบังคับใช้แรงงานในศูนย์สแกมเมอร์กว่า 10 แห่งทั่วกัมพูชา
สำนักงานอัยการสหรัฐฯ ประจำเขตตะวันออกของนิวยอร์ก และกองความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม ได้ยื่นฟ้องริบทรัพย์สินทางแพ่งของเฉิน จื้อ เป็นสกุลเงินดิจิทัลบิตคอยน์ (Bitcoin) จำนวนประมาณ 127,271 บิตคอยน์ ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยกว่า 4.8 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากเครือข่ายสแกมเมอร์และฟอกเงิน และถือเป็นการริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของกระทรวงฯ
นอกจากนี้ เฉินจื้อ ซึ่งมีทรัพย์สินเป็นอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากอยู่ในสหราชอาณาจักร คาดว่าจะถูกอายัดทรัพย์สิน ที่ประกอบด้วยคฤหาสน์หรูมูลค่า 16 ล้านดอลลาร์ บนถนนอเวนิว ซึ่งเป็นหนึ่งในที่อยู่อาศัยราคาแพงที่สุดในกรุงลอนดอน และอาคารสำนักงานมูลค่า 126 ล้านดอลลาร์ ในใจกลางย่านการเงินของกรุงลอนดอน ตลอดจนห้องพักในอาคารหลายแห่งใจกลางกรุงลอนดอน
การฟ้องริบทรัพย์ดังกล่าว ยังเป็นความร่วมมือกับสำนักงานสอบสวนกลางหรือ FBI โดย แคช พาเทล ผู้อำนวยการ FBI กล่าวในการแถลงข่าวว่า “FBI และพันธมิตรได้ดำเนินการกวาดล้างการฉ้อโกงทางการเงินครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ นี่คือบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าดำเนินการเครือข่ายอาชญากรรมขนาดใหญ่ข้ามหลายทวีป ซึ่งเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้แรงงาน การฟอกเงิน แผนการลงทุน และทรัพย์สินที่ถูกขโมย โดยมีเป้าหมายเป็นเหยื่อผู้บริสุทธิ์หลายล้านคนในกระบวนการนี้”
ขณะที่สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) และเครือข่ายบังคับใช้กฎหมายอาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังได้ประสานงานกับสำนักงานต่างประเทศ เครือจักรภพ และการพัฒนา (FCDO) ของสหราชอาณาจักร กำหนดมาตรการคว่ำบาตรและห้ามเดินทางต่อเป้าหมาย 146 รายภายในกลุ่มบริษัท Prince Group รวมถึงเฉินจื้อ และผู้บริหารชาวจีนอีกหลายคน
นอกเหนือจากมาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว สำนักงานควบคุมทรัพย์สินต่างประเทศ (OFAC) และเครือข่ายบังคับใช้กฎหมายอาชญากรรมทางการเงิน (FinCEN) ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายภายใต้มาตรา 311 ของกฎหมาย USA PATRIOT Act ให้ตัด Huione Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทบริการทางการเงินในกัมพูชาออกจากระบบการเงินสหรัฐฯ จากกรณีที่ Huione Group ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการฟอกเงินที่ได้จากการโจรกรรมทางไซเบอร์ที่ดำเนินการโดยเกาหลีเหนือ และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กระทำการหลอกลวงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล
หลอกเหยื่ออเมริกันสูญเสีย 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
กรณีการหลอกลวงทางออนไลน์ที่ส่งผลให้เกิดความสูญเสียต่อชาวอเมริกันคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กระตุ้นให้เกิดการดำเนินการระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
โดยในปี 2024 รัฐบาลสหรัฐฯ ประเมินว่า มีชาวอเมริกันสูญเสียเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ให้กับการหลอกลวงออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 66% จากปีก่อนหน้า
เส้นสายระดับสูงผู้นำกัมพูชา
สำหรับเฉิน จื้อ ซึ่งฉากหน้าเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชื้อสายจีนที่เปลี่ยนสัญชาติมาเป็นพลเมืองกัมพูชาตั้งแต่ปี 2014 ถือเป็นนักธุรกิจชั้นแนวหน้าที่มีเส้นสายระดับสูงในแวดวงการเมืองกัมพูชา โดยมีตำแหน่งเป็นถึงที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และอดีตนายกรัฐมนตรีฮุนเซน
ขณะที่กลุ่มบริษัท Prince Group ของเขาซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในทำเลทองใจกลางกรุงพนมเปญ ดำเนินโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ๆ ทั้งอาคารและหมู่บ้านหรู รวมถึงห้างสรรพสินค้าหรูหลายแห่งในหลายเมืองทั่วประเทศ รวมถึงกรุงพนมเปญและได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่บุกเบิกการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองสีหนุวิลล์ จนเฟื่องฟูในช่วงก่อนวิกฤตโควิด
ทางการสหรัฐฯ ชี้ว่าบริษัทลูกของ Prince Group อย่าง Jin Bei Group ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาโรงแรมและคาสิโนระดับหรูที่เบื้องหลังดำเนินกิจการศูนย์สแกมเมอร์หลายแห่งทั่วกัมพูชา มีความเชื่อมโยงกับรายงานการกรรโชกทรัพย์ หลอกลวง บังคับใช้แรงงาน รวมถึงกรณีการฆาตกรรม หยี่หมิงต้าหลี่ (Yi Ming Dali) ชายชาวจีนวัย 25 ปี ที่ถูกพบเป็นศพยัดในกระเป๋าเดินทาง ที่จังหวัดกันดาลในปี 2023