สำนักงานผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ (USTR) อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะมีการต่ออายุ หรือปรับแก้มาตรการภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งจะหมดอายุลงในเดือนกรกฎาคมนี้หรือไม่
กฎหมายภาษีนี้ถูกกำหนดขึ้นในยุคของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศของสหรัฐฯ ภายใต้มาตรการดังกล่าว สินค้าจากจีนคิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25%
โดยขณะนี้ USTR อยู่ระหว่างรับฟังความเห็นจากตัวแทนของภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ถึงผลดีและผลเสียของการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากสินค้าจีน โดยที่มีทั้งเสียงสนับสนุนให้ต่ออายุของมาตรการดังกล่าวออกไป และเสียงเรียกร้องให้ปรับลดอัตราภาษีลงจากปัจจุบันเพื่อดูแลเงินเฟ้อในประเทศ
ก่อนหน้านี้ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ได้ออกมาให้ความเห็นว่า การลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนจะช่วยลดความร้อนแรงของเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ได้ และสหรัฐฯ ควรทำทุกวิถีทางเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ขณะที่ แคเธอรีน ไท ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ได้ออกมาแสดงความกังวลว่า หากปรับลดภาษีนำเข้าจากสินค้าจีน จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบและไม่ได้รับการคุ้มครอง
โดยผลการศึกษาของ Peterson Institute for International Economics ประเมินว่า การลดภาษีนำเข้าจากสินค้าจีนจะช่วยลดดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ลงได้ 1.3 จุด
อ้างอิง: