สหรัฐอเมริกาตั้งข้อหาดำเนินคดีอดีตเอกอัครราชทูตประจำโบลิเวีย ฐานสอดแนมให้คิวบามานานกว่า 40 ปี ระบุเป็นหนึ่งในการแทรกซึมรัฐบาลสหรัฐฯ โดยสายลับต่างชาติที่เข้าถึงข้อมูลลับได้ลึกที่สุดและยาวนานที่สุด
วิกเตอร์ มานูเอล โรชา ซึ่งดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำโบลิเวีย ระหว่างปี 2000-2002 ถูกตั้งข้อหากระทำความผิดอาญาหลายกระทง ซึ่งรวมถึงการเป็นสายลับต่างชาติ และใช้หนังสือเดินทางที่ได้มาด้วยการฉ้อโกง กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์
“เป็นเวลากว่า 40 ปีที่วิกเตอร์ มานูเอล โรชา เป็นสายลับให้กับรัฐบาลคิวบา โดยพยายามให้ได้มาซึ่งตำแหน่งในรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เขาสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ รวมถึงอำนาจหน้าที่ที่สามารถส่งผลกระทบต่อนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ” เมอร์ริก การ์แลนด์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมระบุในแถลงการณ์
โรชา วัย 73 ปี ถูกจับกุม และคาดว่าจะปรากฏตัวต่อหน้าผู้พิพากษาศาลในไมอามีในวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐฯ
กระทรวงยุติธรรมเปิดเผยว่า โรชาทำงานให้กับกระทรวงการต่างประเทศตั้งแต่ปี 1981-2002 นอกจากนี้ เขายังดำรงตำแหน่งในสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวตั้งแต่ปี 1994-1995 และรับตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาให้กับผู้บัญชาการกองบัญชาการภาคใต้ของกองทัพสหรัฐฯ ราวปี 2006-2012
แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เขาไม่สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินคดีได้ โดยเผยเพียงว่า “เราจะทำงานร่วมกับพันธมิตรในแวดวงข่าวกรอง เพื่อประเมินผลกระทบด้านความมั่นคงของชาติในระยะยาวสำหรับเรื่องนี้”
ในเอกสารที่ยื่นต่อศาลทางตอนใต้ของรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ กล่าวหาโรชาว่าแอบให้การสนับสนุนคิวบาอย่างลับๆ รวมทั้งสนับสนุนภารกิจรวบรวมข่าวกรองลับของคิวบาเพื่อต่อต้านวอชิงตันมาตั้งแต่ปี 1981
เอกสารคำฟ้องระบุว่า โรชายอมรับว่าทำงานให้กับคิวบามาหลายสิบปี โดยในช่วงปี 2022 และ 2023 เขาได้พบปะกับเจ้าหน้าที่ FBI ซึ่งปลอมตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองของคิวบา
ภาพ: Reuters
อ้างอิง: