จากกรณีบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้าน ‘แร่ธาตุสำคัญ’ ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ที่ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการแข่งขันของมหาอำนาจสหรัฐฯ และจีนในภูมิภาคนั้น นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงในการแถลงข่าวในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียนที่กรุงกัวลาลัมเปอร์วันนี้ (27 ตุลาคม) โดยแบ่งเป็นสองประเด็น
ประเด็นแรกเกี่ยวกับข้อกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้น โฆษกยืนยันว่าไม่ต้องกังวล เนื่องจากสหรัฐฯ มีมาตรฐานด้าน ESG และกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมสูงมาก ในทางกลับกัน ไทยก็หวังว่าจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี ทั้งในเรื่องแร่ธาตุสำคัญและการรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจ หรือการนำแร่ธาตุเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์หรือพัฒนา พร้อมย้ำว่าทุกอย่างจะต้องคำนึงถึงมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม และแนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาล หรือ ESG ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลแต่อย่างใด
โฆษกกล่าวเสริมว่า MOU นี้เป็นข้อเสนอจากรัฐบาลสหรัฐฯ และเป็นความตกลงร่วมกันแบบหลวมๆ ที่ไม่มีข้อผูกมัดทางกฎหมาย โดยสิ่งที่ระบุใน MOU นั้นชัดเจนว่าเป็นไปตามกฎหมายของแต่ละประเทศ และเป็นไปตามกลไกและงบประมาณที่แต่ละประเทศมี
ส่วนคำถามว่าจะเป็นประเด็นการเลือกข้างเกี่ยวกับภูมิรัฐศาสตร์ด้วยหรือไม่นั้น โฆษกตอบว่าไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากไทยก็มีท่าทีที่เปิดกว้างและพร้อมที่จะร่วมมือกับจีนเกี่ยวกับแร่ธาตุสำคัญดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมาจีนยังไม่เคยชักชวนไทยร่วมมือในเรื่องนี้ แต่หากมีการชักชวน ไทยก็พร้อมที่จะพิจารณา รวมถึงความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ ด้วย
โฆษกย้ำว่า ไทยมีจุดยืนชัดเจนในนโยบายความเป็นกลางทางยุทธศาสตร์ เรื่องใดที่ตอบสนองผลประโยชน์ของประเทศไทย ไทยก็พร้อมดำเนินการในความร่วมมือนั้น ย้ำไทยไม่เลือกข้าง
ภาพ: กระทรวงการต่างประเทศ


